รีวิวเพชรบูรณ์

  • Home
  • รีวิวเพชรบูรณ์
ตลาดริมน้ำไทหล่ม & ถนนคนเดินไทหล่ม


สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นผ่านตลาดริมน้ำไทหล่ม บริเวณสวนสาธารณะดงตาล ถนนพิทักษ์ ริมแม่น้ำป่าสัก อำเภอหล่มสัก เทศบาลหล่มสักจัดให้พ่อค้าแม่ค้าชาวหล่มสักนำอาหารพื้นบ้านมาออกร้านบนเรือ และตลิ่งริมน้ำหลายร้านให้ได้เลือกทานกัน  เลือกซื้ออาหาร เครื่องดื่มกันแล้ว มานั่งฟังดนตรีบรรเลงบนมัดฟางข้าวที่จัดเป็นที่นั่งชมดนตรี นั่งทาอาหารไป ฟังเพลงไปด้วย ริมน้ำอากาศเย็นสบาย พลาดไม่ได้เลยมาหล่มสักแล้วต้องมาชิม ชมบรรยากาศตลาดริมน้ำในที่แห่งนี้ ทุกเย็นวันเสาร์ เวลาตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 22.00 น. โดยเทศบาลหล่มสัก เปิดตลาดแต่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน..

บริเวณตลาดริมน้ำไทหล่ม ติดกับถนนพิทักษ์สามรถข้ามไปฝั่งสวนสาธารณะดงตาลได้ 2 ทาง คือ ข้ามทางสะพานเหล็กด้านบน และเดินลงไปริมน้ำป่าสักแล้วเดินข้ามแพสะพานทางเดินบนน้ำ โดยตลาดแบ่งออกเป็น 3 ชั้น

 

ชั้นล่างสุดบนน้ำ เมื่อเดินไปทางขวามือจะพบแม่ค้านำอาหารพื้นบ้านมานั่งจำหน่ายบนเรือริมน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเลือกซื้ออาหาร แล้วไปนั่งโต๊ะเก้าอี้ริมน้ำท้ายสุดใกล้เวที หรือเลือกซื้ออาหารแล้ว เดินกลับมานั่งทางมุมด้านซ้าย จะมีที่นั่งทานอาหารอีกจุดหนึ่ง

 

ชั้นสอง เมื่อเดินข้ามแพไปทางด้านซ้ายมือ จะมีร้านอาหารพื้นบ้านตั้งเรียงราย 10 กว่าซุ้มให้เลือกทาน ด้านหน้าซุ้มจะมีโต๊ะเก้าอี้นั่งริมน้ำหรืออยู่ในกระโจม

 

 

ส่วนด้านขวาจะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งทานอีกจุดหนึ่ง ทางขวาสุดจะเป็นเวทีแสดงดนตรี มีการบรรเลงเพลงให้ฟัง ด้านหน้าเวลาทีที่นั่งเป็นฟางข้าวอัดก้อนให้นั่งชมดนตรีแบบชมคอนเสิร์ตติดเวที ได้บรรยากาศแบบฟินสุด ๆ

 

ชั้นบนสุด บริเวณสวนสาธารณะดงตาล จะมีโต๊ะเก้าอี้นั่งทานอาหารมากพอควร มีรถโบราณมาแสดงให้ชม มีจุดถ่ายภาพ เครื่องดื่ม ไอศกรีม ให้เลือกทานกันอีกด้วย

บริเวณสวนสาธารณะดงตาล ทางเทศบาลจัดเวทีให้สำหรับประชาชน กลุ่มเยาวชน ได้แสดงออกหลายๆ จุด ที่ประทับใจจัดหนึ่ง คือ มีการแสดงดนตรีไทยในสวน บรรเลงดนตรีให้ได้ชมกันอีกด้วย

 

ถนนคนเดินไทหล่ม

นอกจากตลาดริมน้ำไทหล่ม แล้วยังมีถนนคนเดินไทหล่ม ตลาดนัดน่าเดินบนถนนสายรณกิจ ถนนสายเก่าแก่ของอำเภอหล่มสัก เปิดมานานแต่ปี 2555  ตลอดสองฟากฝั่งถนนยังคงความคลาสสิกของบ้านเรือนไม้โบราณ 2 ชั้นไว้ให้เห็นอย่างงามตา สีสันความคึกคักของถนนคนเดินไทหล่ม ปัจจุบันทางเทศบาลหล่มสักได้ปรับปรุงใหม่แบ่งออกเป็นโซนขายสินค้า ขายอาหาร ชมวัฒนธรรม รำวงพื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์หล่มสักให้ได้ชมประวัติความเป็นมา สิ่งสำคัญๆ ของหล่มสักเก็บรวบรวมไว้ที่แห่งนี้

ตลาดในตัวอำเภอหล่มสักทุกๆ เช้าจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าขายของในตลาดเป็นปกติ ทุกเย็นวันเสาร์ตลาดหล่มสัก จะแปรเปลี่ยนเป็นสภาพถนนคนเดิน ประดับด้วยโคมไฟหลากสี  โดยจะมีการรวมตัวคนท้องถิ่นปิดถนนสายเก่าแก่ของอำเภอหล่มสัก เปิดเป็นตลาดถนนคนเดิน ตลาดที่อยู่ในชุมชนจริงๆ มีวิธีชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมๆ นำอาหารพื้นเมือง นำของดีของอำเภอหล่มสักมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม ไม่ว่าจะเป็นการตีมีดแบบโบราณ หรือการทอผ้าพื้นเมืองอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหล่มสัก เมื่อรวมกับบรรยากาศของถนนสายเก่าแล้ว ทำให้ถนนคนเดินแห่งนี้ มีเสน่ห์ขึ้นมากไปอีก และเป็นถนนสายวัฒนธรรมที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ  เป็นตลาดวิธีเกษตร ตลาดที่ต้องมาชม ตลาดที่นี่ สะพานที่นี่ ชาวบ้านใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว

 จะเริ่มต้นทุกเย็นวันเสาร์ตั้งแต่ 5 โมงเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม เพลิดเพลินไปกับการออกร้านต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวหล่มสัก ทั้งร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองที่หารับประทานยาก เช่น ขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ สินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าทำมือของชาวบ้านที่สามารถซื้อเป็นของฝากของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางวัฒนธรรม ซุ้มการทอผ้าโบราณ ซุ้มสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ที่สืบทอดช่างฝีมือมานานนับ 100 ปี จากช่างชาวเวียงจันทน์ การแสดงดนตรีพื้นเมือง ตลอดจนกิจกรรมรำวงย้อนยุคให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร่วมรำวงกันอย่างสนุกสนาน

 

แผนที่แสดง โซนต่างๆ ภายในถนนคนเดินไทหล่ม ตามที่ได้ไปเดินสำรวจ (4 มี.ค.60)

นายมะขาม ได้เคยมาเที่ยวชมตลาดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2  ได้นำรถยนต์จอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถสถานีตำรวจภูธรหล่มสัก (1) แล้วเดินมาตามถนนวจี ถึงสี่แยกหอนาฬิกา (2) เริ่มต้นเดินชมตลาดเลือกซ๊อปสินค้า เลือกซื้ออาหารกัน ที่นี้พบกับการแสดงของนักดนตรีแบบไทยเดิมคลาสสิคแสดงต้อนรับ ใช้เครื่องดนตรีไทยผสมกับเครื่องตนตรีสากล นักร้องหญิงร้องเพลงประทับใจมากๆ

 

เริ่มเดินพบมีการขายเสื้อผ้าให้เลือกซื้อมากมาย สินค้าผลิตจากมือ เช่น กะลามะพร้าว ฝักมะขามขนาดเล็กขนาดใหญ่ทำมาจากผ้าสำหรับเป็นของฝากจากเพชรบูรณ์

 

มีกลุ่มเยาวชนมาสเกตซ์ นักให้ภาพรูปด้วยดินสอกันสดๆ

 

หมอลายมือดูแม่นๆ

ซุ้มการทอผ้าแบบโบราณ มีการแสดงตั้งแต่การนำฝ้ายมาปั่นเป็นเส้นด้าย จนถึงการทอเป็นผ้าแบบต่างๆ ให้ชมกัน

 

เดินมาได้ประมาณ 250 เมตร ถึงสี่แยกถนนรณกิจตัดกับถนนพิทักษ์ (3) ที่นี่พบกับการแสดงนักดนตรีไทย ให้ชมกัน

 

โซนอาหาร เริ่มตั้งแต่สี่แยก (ตามแผนที่หมายเลข 3-4-5)  มีอาหารพื้นบ้านหล่มสัก  เดินตรงต่อไปเริ่มมีการจำหน่ายอาหาร ของกินพื้นเมืองมากมาย

 

เดินไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก มีซุ้มถ่ายภาพกับ

ซุ้มสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ที่สืบทอดช่างฝีมือมานานนับ 100 ปี จากช่างชาวเวียงจันทน์

 

 

แวะชม พิพิธภัณฑ์หล่มสัก (ตามแผนที่จุดที่ 4) แสดง 10 ห้อง

 

ออกจากพิพิธภัณฑ์หล่มสัก กับมาจุดที่ 3  เดินไปตามถนนพิทักษ์ ถนนเส้นนี้มีการจำหน่ายเสื้อผ้า ของพื้นเมือง อาหารต่างๆ สลับกันไป มาหยุดดูช่างตัดผมอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก (ตามแผนที่ หมายเลข 6) และเห็นมีร้านขายอาหารอยู่บนถนนอีกจุดหนึ่งตั้นร้านขายหลายหร้านไปจนถึงจุดที่ 7

 

เดินลัดเลาะไปตามถนนถึง ตลาดริมน้ำไทหล่ม (8)  ทิวทัศน์มองไปสวยงามมากๆ มีตัวหนังสือแสดงคำว่า ตลาดริมน้ำไทหล่ม เห็นได้ชัด มีนักท่องเที่ยวกำลังเดินเลือกซื้ออาหารบนเรือริมน้ำ นายมะขามข้ามฝั่งไปเลือกซื้ออาหาร เครื่องดื่มรับประทาน เก็บภาพ และเดินทางกลับไปยังที่จอดรถไว้ที่สถานีตำรวจภูธรหล่มสักฯ ใช้เวลาเที่ยวเดินชม ถ่ายภาพ ทริปนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 20.20 น.

ประทับใจกับการบริหาร การวางแผนผังตลาดริมน้ำไทหล่ม และถนนคนเดินไทหล่ม ของเทศบาลหล่มสัก มีการวางจุดแสดงประเพณี วัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของคนหล่มสัก ความบันเทิงต่างๆ ไว้ให้ชมตลอดถนน  อาหารพื้นบ้านหล่มสัก มีเยอะมากๆ และนักท่องเที่ยวเดินชมงานกันแน่น  ประทับใจทริปสำรวจริวิวครั้งนี้มากๆ ครับ

 

การเดินทาง : เมื่อเดินทางจาก  สี่แยกพ่อขุนผาเมือง เดินทางไปตามทางหลวงแผ่นดินหมาย 21 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร นำรถมาจอดไว้บริเวณสถานี ตำรวจภูธรหล่มสัก แล้วเดินมาเริ่มต้นที่สี่แยกหอนาฬิกา เดินเที่ยวชม ช๊อป เลือกซื้ออาหารอร่อยตามถนนรณกิจ ถนนพิทักษ์ ..


ตลาดริมน้ำไทหล่ม & ถนนคนเดินไทหล่ม         

ที่อยู่ :  บริเวณถนนรณกิจ ถนนพิทักษ์ เขตเทศบาลหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
พิกัด GPS : 16.777100, 101.243176 (คลิกที่นี่เพื่อไปแผนที่ Google Maps)
เปิดเวลา :           17.00-22.00 น.
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/pg/lomsakstreet

 

รายละเอียดเพิ่มเติม : http://review.tourismthailand.org/lomsak-walking-street

 

ชมคลิป ตลาดริมน้ำไทหล่ม & ถนนคนเดินไทหล่ม 

 

 

18 พฤษภาคม 2017 / by / in
ลาบเป็ดหล่มสัก ๒๕๑๗

อาหารอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอาหารให้ทานมากมาย ผ่านมาแล้ว พลาดไม่ได้เลยกับเมนูอาหารอร่อย นั้นก็คือ ลาบเป็ดหล่มสัก ๒๕๑๗  มีเมนูเป็ดก๊าบๆ ลาบเป็ดเป็นจานเด็ดขึ้นชื่อของร้าน ทำอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน เปรียว หวาน มากถึงมากที่สุด รายการทีวีดังครัวคุณต๋อยการันตีถึงความอร่อยอีกด้วย    ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2517  มีสูตรพิเศษวิธีการทำลาบเป็ดไม่เหมือนใคร โดยตั้งกะทะไฟแรงใช้น้ำมันเป็ดในการเจียวกระเทียมจนเหลือง ใส่เครื่องใน ตะใคร้ซอย แล้วนำเนื้อเป็ดไปคลุกเคล้า ใส่เกลือ น้ำมะนาม ผัดเนื้อเป็ดให้เข้าให้กันจนสุกหอม นำออกจากเตามาปรุงรสด้วยพลิกป่น ข้าวคั่วแล้วใช้มือคลุกเคล้าให้เข้ากันใส่ต้นหอม ผักชี ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมเจียว และที่พิเศษอีกอย่างคือ โรยด้วยหนังไก่ทอดกรอบเพิ่มความอร่อบ  เสริฟขึ้นโต๊ะพร้อมกับผักหายากหลายอย่าง เช่น ลิ้นฟ้า มะแว้ง แตง ถั่วฝักยาว สาระแหน่ โหระพา วางด้วยน้ำแข็งบนผักทำให้ผักกรอบ และพลิกเม็ดคั่วสำหรับคนชอบลายรสเผ็ดถึงใจ  นอกจากมีลาบเป็ดแล้วยังมี ต้มยำเป็ด เป็ดพะโล้ เป็ดทอด ใส้กรอกหมู เนื้ออบ ผัดขี้เมา ยำเป็ดพะโล้ ยำปลาดุกฟู ทุกเมนูที่กล่าวมานี้เป็นเมนูที่ขายดีของทางร้าน

การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบูรณ์ ขับรถตามทางหลวงแผ่นดินหมาย 21 มุ่งหน้าไปตัวเมืองอำเภอหล่มสัก ประมาณ 42 กิโลเมตร ถึงสี่แยกหอนาฬิกาให้ขับรถตรงไป ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 203 (ถนนคชเสนีย์) จนเห็นป้ายที่ว่าการอำเภอหล่มสัก ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยวจี 11  ขับตรงไปอีกประมาณ 150 เมตร จะเห็นร้านลาบเป็ดหล่มสักด้านขวามือเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มีป้ายอยู่หน้าร้าน..

คุณรุจิรา เจ้าของร้านบอกว่าตัวเองเป็นคนหล่มสัก ก่อนที่จะมาทำลาบเป็ดขาย คุณพ่อคุณแม่ เคยทำอาหารสำเร็จรูปและก๋วยเตี๋ยว แต่การทำกิจการดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ ต่อมาเห็นว่าในพื้นที่อำเภอหล่มสักส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลัก โดยเฉพาะเป็ดจะมีการเลี้ยงแทบทุกครัวเรือน ซึ่งบางครอบครัวก็เลี้ยงไว้ขายและเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารในครัวเรือน   ในปี พ.ศ. 2517 จึงทดลองทำลาบเป็ดขายปรากฏว่าขายได้และมีลูกค้ามาอุดหนุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเปิดขายอาหารใช้ชื่อว่า ร้านลาบเป็ดหล่มสัก ซึ่งเปิดเป็นร้านแรกในหล่มสัก และดำเนินการขายจนถึงปัจจุบัน

ป้ายภาพ อาหาร ติดอยู่ทางเข้าหน้าร้าน  มีหลายอย่างให้เลือกทานกัน  อยากทานอะไรก็จดเอาไว้

ลักษณะในร้าน ห้องกว้าง  โต๊ะเก้าอี้เป็นไม้มะค่าเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับมานั่งทานอาหารหลายๆ คน

 

อาหารที่สั่ง..  รอสักประมาณ 10 นาที รวดเร็วทันใจ  ข้าวเหนียว ลาบเป็ด ผักแช่เย็น พริกเม็ดทอด และต้มยำมะพร้าวอ่อน ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ

ลาบเป็ดที่นี้ แห้ง มีหอมเจียว หนังไก่ทอดกรอบโรยหน้า หอมข้าวคั่ว ใบผักชีและเครื่องปรุ่งอื่นๆ ได้ลองชิมแล้ว รสจัดจ้าน ทานกับพริกเม็ดทอดเพิ่มความผิดอีกนิด แกล้มด้วยผักสดๆ หลายอย่าง ข้าวเหนียมร้อนๆ นุ่มๆ รสชาติอร่อย ทานแบบไม่หยุดปาก คำต่อคำ…

ผักสดทานกับลาบ มีน้ำแข็งวางบนผัก ทำให้ผักกรอบ สด และอร่อยตามมา มีมะแว้วขมเม็ดเล็กๆ ด้วย

ต้มยำมะพร้อมอ่อน  เมนูนี้ต้องยอมรับว่าไม่เคยทานมาก่อน ได้ชิมน้ำซุปช้อนแรก ความหวานของเนื้อมะพร้าวอ่อน ออกเปรี้ยวนิดๆจากมะนาว หวานมันเผ็ด อร่อยมากๆ  ต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้ 2 ข้าง

จานนี้ ผัดเห็ดสดตีนเป็ด มาเสิร์ฟอีก 5 นาที่ หลังจากได้อาหารชุดแรก จานนี้ก็อร่อย

 

เมนูได้รับเสิร์ฟจานต่อมา เป็ดทอดมะม่วงแช่อิ่ม กลิ่นหอมมาแต่ไกล เนื้อนุ่มหอมอร่อย จิ้มน้ำจิ้ม กรอบ

 

ร้านลาบเป็ดหล่มสัก ๒๕๑๗  ยังมีเมนูอาหารอร่อยๆ มากมาย (ตัวอย่าง 2 ภาพ) เหมาะสำหลับมาทานเป็นครอบครัว หรือหมู่คณะ เปิดบริการตั้งแต่ 10.00-21000 น. ทุกวัน

อิ่มแล้ว สั่งมาทานไปหลายอย่าง ก่อนกลับ ขอร้านถ่ายภาพเมนูอาหารอื่นๆ มาให้ชมเรียกน้ำย่อยกันด้วยนะครับ

เมนูผัดขี้เมาเป็ด

เมนูพะโล้เป็น ก็น่าทาน

บรรยากาศภายในร้านอีกด้านหนึ่ง ติดกับถนน ที่จอดรถสะดวก

ท้ายสุด สุดท้าย >  มาหล่มสักพลาดไม่ได้มาทาน ลาบเป็ด จานละ 80 บาท พร้อมผักแกล้มลาบอีกจานใหญ่ๆ ผักสดๆ และมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกทานอีกมากมาย มาเที่ยวครอบครัว หรือเป็นหมู่คณะมาทานกันได้เลยนะครับ อร่อยๆๆๆๆ

 

ลาบเป็ดหล่มสัก ๒๕๑๗


ที่อยู่ : เลขที่ 12 ซอยวจี11 (ซ.สุนทรกิจ) ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
พิกัด GPS : 16.780198, 101.244417  (คลิกที่นี้เพื่อไปยังแผนที่ Google Maps)
โทรศัพท์ : 056 701 038
เปิดเวลา :  10.00-21.00 น.
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/lappedlomsak

 

 

 

25 เมษายน 2017 / by / in
หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์ สินค้าโอท๊อปเงินล้าน

หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์  ทำมาจากวัสดุชิ้นส่วนอะไหล่รถเก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น โซ่ เพลา ปีกนก แหนบ ฯลฯ นำมาออกแบบ เชื่อม ประกอบในรูปแบบต่างๆ แ้วพ่นสีให้สวยงาม  หุ่นเหล็กที่เป็นน่าสนใจของลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกหุ่นยนต์ในภาพยนตร์ ลักษณะคล้ายกับทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ออพติมัส บัมเบิ้ลบี แรทเชท ฮาวด์ สติงเจอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ราคาตัวละพันกว่าบาทไปจนถึงเกือบล้านบาท แล้วแต่ขนาดและความยากง่ายของตัวหุ่น  ผลงานที่ผลิตหุ่นเหล็กมานานกว่า 10 ปี ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและความสวยงามทำให้สร้างชื่อเสียง สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่คนท้องถิ่น นับว่าเป็นสินค้าโอท๊อปของเพชรบูรณ์ ที่มีลูกค้าจากในจังหวัด หรือจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งจากต่างประเทศ มาสั่งทำเป็นจำนวนมาก..  วันนี้จะพาไปเที่ยวชมโรงงานเล็กๆ แต่ผลิตหุ่นเหล็กที่มีคุณภาพ สวยงาม  ไปชมกัน “เอ๋หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์”

หุ่นเหล็ก BB-2560 ตัวโหญ่สีดำเหลืองสูงประมาณ 6 เมตร ตั้งโชว์ในงานมะขามหวานเพชรบูรณ์ เมื่อปลายเดือน ม.ค.2560

“เอ๋หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์”  เปิดให้ชมหุ่นเหล็กและรับออกแบบ ผลิตหุ่นเหล็กรีไซเคิลทุกชนิด ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านกิโล 6 หมู่ที่ 1 ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

การเดินทาง เมื่อขับรถจากไร่กำนันจุลจะไปทางอำเภอหนองไผ่ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ประมาณ 7 กิโลเมตร (ผ่านหลักกิโลเมตรที่ 196 มา 800 เมตร) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปประมาณ 400 เมตร จะพบกับบ้านชั้นเดียวและโรงงานอยู่สุดซอย สังเกตุง่ายๆ จะเห็นหุ่นเหล็กตั้งอยู่หน้าบ้านหลายๆ ตัว บ้านนั้นคือ เอ๋หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์

เข้าไปโรงงาน เจอเจ้าสองตัวนี้ ยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าโรงงาน สูงใหญ่ สีสดสวย แข็งแรง

นายมะขาม ได้มีโอกาศไปเยี่ยมชมหุ่นเล็กเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2560 พบกับคุณเอ๋ เจ้าของโรงงานทำหุ่นเหล็กอยู่บ้านพอดี จึงขอไปเยี่ยมชมถ่ายภาพ โดยคุณเอ๋ ได้พาชม ซึ่งเป็นโรงงานขนาดเล็กอยู่ข้างบ้านชั้นเดี๋ยวของคุณเอ๋เอง โรงงานมีเสาไม้ 15 ต้น กว้างยาวประมาณ 10×20 เมตร ด้านบนมุงสังกะสี  โปร่งโล่งอากาศถ่ายเทสะดวก มีคนงาน 10 คน กำลังช่วยกันทำหุ่นเหล็ก เครื่องมือที่เห็นก็มีเพียงตู้เชื่อม เครื่องเชื่อมไฟฟ้า หินเจียร แก๊สตัดเหล็ก ปั้มลม กาพ่นสี และเครื่องมือช่วยทำงานอื่นๆ ไม่เห็นว่าจะมีเครื่องมือขนาดใหญ่ ด้านในมีเศษเครื่องยนต์ โซ่ เพลา ปีกนก แหนบ เศษเหล็กอื่นๆ มากมายวางกระจัดกระจายอยู่ในแต่ละมุมของโรงงาน และมีหุ่นเหล็กนับ 10 ตัว กำลังถูกเชื่อมประกอบ บางตัวเสร็จแล้วขัดสีเก่าออกเหลือแต่เนื้อเหล็กรอพ่อนสี ดูแล้วฝีมือออกแบบเชื่อมประกอบเยี่ยม ต้องยกมือหัวแม่ให้ให้ทั้งสองข้าง ยังมีรถถังเล็กๆ หลายคัน รวมทั้งปืนใหญ่โบราณรูปแบบสวยงามอยู่ด้วย..

โรงงาน โอท๊อปแบบครอบครัว เสาไม้มมุงหลังคา โปร่ง 

คนงานกำลังตัดเหล็ก เชื่อมเหล็ก

 

เศษเหล็กวางกระจัดกระจาย เพื่อสะดวกต่อการค้นหา นำไปประกอบเห็นหุ่นเหล็ก

 

สอบถามคุณเอ๋ เล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณปี 2540 ที่ผ่านมา สามีทำงานอยู่บริษัทที่กรุงเทพฯ และบริษัทให้ออกจากงาน จึงพลิกผันชีวิตมาช่วยกันจัดหาเศษหัวเทียน เศษสปริงที่ใช้งานไม่ได้แล้ว นำมาประกอบเป็นหุ่นเหล็กตัวเล็กๆ ขายที่ตลาดสวนจตุจักร กรุงเทพฯ ราคาตัวละประมาณหนึ่งร้อยกว่าบาท และได้พัฒนาตัวเองโดยนำเศษเหล็กมาทำเป็นหุ่นยนต์ในภาพยนต์ตัวเล็กๆ และพัฒนาเป็นตัวใหญ่ขึ้นมา ปรากฎว่าขายดีมีผู้สนใจและมีความต้องการมาก

หุ่นเหล็ก 1 ตัว คนงานรับผิดชอบ 1 คน ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

เมื่อประมาณปี 2547 จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านที่เพชรบูรณ์ มาเริ่มทำหุ่นเหล็กอย่างจริงจัง จากเศษเหล็กอะไหล่รถยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่หาได้จากท้องถิ่นและสั่งมาจากอยุธยาหรือกรุงเทพฯ  โดยอาศัยพื้นที่ข้างบ้านพักเป็นโรงงาน มีญาติๆ ที่อยู่ใกล้บ้านก็มาช่วยทำ ได้พัฒนาออกแบบทำหุ่นเหล็กหลายๆ แบบ ทั้งขนาดเล็กๆ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยขนาดใหญ่ที่ทำสูงประมาณ 8 เมตร  รวมทั้งรับออกแบบและจัดทำผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการทุกอย่างเช่น ปืนใหญ่ มังกร โต๊ะ เก้าอี้  ลูกค้าต้องการทำอะไรมาปรึกษาแจ้งความต้องการอยากทำอะไรจากเศษเหล็ก รับทำให้ทุกอย่างปัจจุบันคุณเอ๋ฯ มีญาติๆ และคนรู้จักชอบงานเหล็กมาช่วยทำงานอยู่ประมาณ 13-15 คน ลักษณะเป็นสินค้าโอท๊อปครอบครัว ช่วยกันทำและแบ่งปันรายได้

รถถังจิ๋ว สวยงาม ปราณีต

ลูกค้าจะมีเถ้าแก่รับงานมาให้ และอีกส่วนหนึ่งจะติดตามดูผลงานในสื่อโซเซียลมีเดีย แล้วโทรมาสอบถาม และเดินทางมาติดต่อเอารูปมาให้ดูอยากทำหุ่นเหล็กแบบต่างๆ ก็ตกลงราคาแล้วให้คนงานช่วยกันทำ โดยจะมอบหมายให้คนงาน 1 คน ทำหุ่นเหล็ก 1 ตัว จนเสร็จจัดทำตามแบบที่ลูกค้าต้องการ โดยตัวหนึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หรือมากกว่านี้ ส่วนตัวใหญ่สูง 6-8 เมตร จะมอบให้คนงานหลายๆ คน ช่วยกันทำ โดยราคาหุ่นเล็กตัวเล็กสูงไม่เกิน 2.5 เมตร ราคาตัวละสามหมื่นขึ้นไป  ถ้าหุ่นหล็กสูงตั้งแต่ 2.5 เมตร ราคาเจ็ดหมื่นขึ้นไป และถ้าสูง 6-8 เมตร ราคาประมาณห้าแสนบาท (ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน) ราคาอาจลดลงหรือเพิ่มขึ้น แล้วแต่ลักษณะหุ่นเหล็กที่ให้ทำมีความยากง่ายอย่างไร

หุ่นเหล็กประกอบเสร็จ ทำความสะอาด และพ่นสี

ที่โรงงาน ยังมีหุ่นเหล็กที่ทำเสร็จ นำออกมาโชว์ที่บริเวณหน้าบ้าน  คุณเอ๋ฝาก เชิญชวนนักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจผ่านมาแวะเข้ามาชม มาถ่ายภาพ มาเยี่ยมชมหุ่นเหล็กที่โรงงานแห่งนี้ได้ สามารถติดตามผลงานได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ “หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์ ” หรือติดต่อสอบถามได้ตามเบอร์โทรศัพท์ได้..

 


เอ๋บ้านหุ่นเหล็กเพชรบูรณ์

ที่อยู่ : 246 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ พิกัด GPS : 16.226152, 101.092472
เบอร์โทร :   คุณเอ๋  080 1164382
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์

 

ชมคลิป หุ่นเหล็กเพชรบูรณ์

18 เมษายน 2017 / by / in
เที่ยวไร่กำนันจุล ชม ชิม แชะ องุ่นหวานๆ เลือกซื้อของฝากมากมาย

เที่ยวเพชรบูรณ์ พลาดไม่ได้ที่ต้องแวะที่ “ไร่กำนันจุล”  ไร่สวนเกษตรแบบผสมผสาน บุกเบิกนำเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการเกษตร  อุตสาหกรรมปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  ประสบความสำเร็จมายาวนานถึง 80 ปี  ปัจจุบันไร่กำนันจุลเป็นศูนย์รวมของฝากสินค้าทางการเกษตรภายใต้แบรนด์ “ไร่กำนันจุล” มีให้เลือกมากมายกว่า 200 รายการ และผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นรู้จักกันมานานแสนนานของไร่กำนันจุล คือ “ปลาส้ม” นอกจากนี้ยังเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรเรียนรู้วิถีเกษตรพอเพียงตามรอยพ่อ ไม่ว่าจะเป็นชมสวนผลไม้นานาชนิด มัลเบอร์รี่ องุ่น แปลงนาข้าวปลอดสารพิษ และบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่บนพื้นที่มากกว่า 10,000 ไร่  และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การผลิตเส้นไหม ที่มีกระบวนการผลิตของเส้นไหมเพื่อให้ได้ใยไหมที่มีคุณภาพดี และที่นี้เป็นโรงงานสาวไหมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ผลิตภัณฑ์เส้นไหมมีชื่อเสียงบนเวทีระดับโลกอีกด้วย..

การเดินทาง เมื่อเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) ถึงสามแยกวังชมภู (หลักกิโลเมตรที่ 202) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ไร่กำนันจุลจะอยู่ทั้งสองฝั่งถนนมีป้ายเห็นได้ชัดเจน จะเห็นร้านจำหน่ายของฝากสาขา 2 อยู่ทางขวามือหากต้องการแวะต้องกลับรถ ส่วนสาขา 1 ขับรถตรงมาอีก 100 เมตร จะพบร้านค้าอยู่ทางซ้ายมือ ทั้งสองสาขามีร้านจำหน่ายของฝาก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้องน้ำสะอาดบริการ  และแจกคูปองฟรีสำหรับแลกเครื่องดื่มมูลค่า 10 บาท ให้กับคนขับรถทุกคน ได้ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หลังจากขับรถมาเหนื่อยๆ ชอบ ชอบครับ

 

ในช่วงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 ถึง 12 มีนาคม 2560 ทราบข่าวจากเฟสบุ๊คเพจไร่กำนันจุล ได้จัดกิจกรรมร่วมสนุกและปลูกประสบการณ์พิเศษ  “ชม ชิม แชะ องุ่น ที่ไร่กำนันจุล” ชมสวน ชิมองุ่นแบบไม่อั้น และถ่ายภาพสวยๆ   นายมะขาม ถือโอกาสวันหยุดวันเสาร์นี้ไป เก็บภาพ คลิป รีวิวให้ชมกัน..

วันนี้วันเสาร์ ออกเดินทางจากบ้านไปคนเดียว ถึงไร่กำนันจุลสาขา 2 ประมาณ 10.20 น. ขับรถก่อนเข้าไปจอดหน้าร้านค้าพบกับด่านให้จอดรถ เปิดกระจกออกมาพนักงานยื่นบัตรให้ 2 ใบ แจ้งว่าแจกฟรีให้กับคนขับรถทุกคนเพื่อใช้แลกเครื่องดื่มฟรี  จอดรถเดินทางเข้าทางหน้าร้าน ผ่านร้านค้าออกประตูหลัง ไปยังจุดประชาสัมพันธ์ จำหน่ายบัตรเข้าชม อยู่ทางด้านตลาดนัดในสวน

สอบถามพนักงานแจ้งว่า ช่วงนี้จัดกิจกรรมพานักท่องเที่ยวนั่งรถพ่วงที่ลากด้วยรถไถพาชมสวนเกษตรในไร่กำนันจุล เรียนรู้วิถีเกษตรพอเพียงตามรอยพ่อ แวะชมการเผาถ่าน การทำน้ำส้มควันไม้สำหรับเก็บไว้พ่นต้นไม้ป้องกันแมลง และให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูก การดูแลรักษา ตลอดจนการแวะชมเถาองุ่น ผลองุ่นแบล็คโอปอล ที่มีผลสุกเต็มต้น สามารถหยิบชิมผลองุ่นที่เถาได้ไม่จำกัด   โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มรอบแรก 09.00 น. รอบท้ายสุด 15.00 น. ราคาบัตรผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 80 บาท เด็กเล็กฟรีครับ มีเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้นนะครับ…

 

ระหว่างรอเวลารถพานำเที่ยว รอบ 11.00 น. เดินดูรอบๆ บริเวณด้านหลังร้านค้า ทางไร่ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการให้เด็กๆ อาทิ เช่น นิ้วน้อย ๆ สร้างภาพ, ประกอบร่างองุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวที่พาครอบครัวมีเด็กๆ มาด้วยให้มามุมนี้เลยครับอยู่ทางด้านหลังร้านค้า  เดินต่อไปอีกมุมหนึ่งไม่ไกลกัน พบมุมตลาดในสวน มีอาหาร พืชผักผลไม้จำหน่ายมากมาย  เห็นว่าเป็นทางผ่านที่จะไปชมสวน   ขอไปสำรวจในร้านค้าด้านหน้าดูก่อน มีสินค้า ของฝาก อะไรน่าสนใจอยู่มุมไหนกันบ้าง จะได้ซื้อกลับบ้าน เป็นของฝาก..

เข้าไปในร้านทางประตูร้านผ้าไหม “Mai Chul House”  มีผ้าไหมผลิตภัณฑ์จากไร่กำนันจุล นำมาโชว์มากมาย มีพนักงานคอยอธิบายด้วย..

เดินทางโซนกลางร้าน จะเห็นป้าย  “บริษัท ไร่นายจุน  คุ้นวงศ์ จำกัด”  มีผลไม้ให้ได้ช้อปมากมาย สดๆ ไม่ว่าจะเป็น องุ่นแบล็คโอปอล องุ่นแดง ส้มโชกุน มะเฟืองพร้อมพริกเกลือ และสินค้าเกษตรแปรรูปอยู่ในรูปขวด กล่อง ซอง อีกหลายๆ อย่าง. แม้กระทั่งแม่ครัวทำขนมเปี๊ยะกันสดๆ ให้ดู ผมชิมแล้ว อร่อย..ดีครับ

เดินผ่านมาอีกโซนหนึ่ง ผลไม้อบแห้ง กระเช้าของขวัญ หรือไวน์ผลไม้หลายแบบ หลายอย่างให้เลือกซื้อกัน

 

โซนนี้ ปลาแปรรูป  ไม่ว่าจะเป็นปลาส้ม แหนมปลา กุนเชียงปลา ปลายอ ซี่โครงปลา  จัดวางให้เลือกซื้อกัน  ที่ผมชอบ “จุดชิมไม้อั้น” ลองชิมไปหลายชิ้นซี่โครงปลา ระวังนิดมันมีก้างนะ   มุมนี้นับว่าเป็นมุมที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องซื้อกลับบ้าน นั้นคือ ปลาส้ม

สอบถามพนักงานให้ความรู้เกี่ยวกับปลาส้ม

มาร้านค้ากำนันจุล ต้องซื้อปลาส้มไปทานกันนะครับ

 

ใกล้เวลา 11.00 น. ออกจากร้านค้าไร่กำนันจุล ทางประตูด้านหลัง เดินผ่าน   ตลาดนัดในสวนไร่กำนันจุล   เป็นตลาดที่เกษตรกรในท้องที่ที่มีไร่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง นำสินค้าเกษตรคุณภาพดี หลากหลายชนิดมาจำหน่ายให้เลือกซื้อกัน ใหม่ๆ สดๆ แถมมีให้ชิมกันด้วย

 

ไร่กำนันจุล ไร่แห่งฟาร์มสุข   ฟาร์มทัวร์  ขึ้นรถไปชมกัน..

วันนี้ นั่งรถรางพิเศษตรงที่ว่าลากด้วยรถไถ ได้ฟีลอยู่ในไร่ใกล้ชิดธรรมชาติชมสวนผลไม้ พร้อมกับคณะทัวร์จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาด้วยกัน 40 คน ใช้รถ 2 คัน ตามกันไป  ชมสวนเกษตรในไร่กำนันจุล  มีวิทยากรคอยอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติไร่กำนันจุล สถานที่ต่างๆ แต่ละแห่งมีความสำคัญกันอย่างไรบ้าง รวมทั้งแปลงที่ปลูกพืช ผัก ผลไม้ สระเลี้ยงปลา ที่รถผ่าน ละเอียดเลยครับ

จอดจุด รถแทรกเตอร์ Caterpillar D8

ความเป็นมา ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี เสด็จเยี่ยมไร่ส้มกำนันจุล เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2507  ทรงตรัสชื่นชมผลงานของกำนันจุล และครอบครัวที่ช่วยกันทำการเกษตรอย่างเป็นล่ำสัน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสถามว่า “แล้วฉันจะช่วยกำนันอะไรได้บ้าง” กำนันจุลกราบทูลว่า “ทุกอย่างมีพร้อมแล้วพะย่ะค่ะ ยกเว้น Caterpillar D8” หลังเสด็จกลับได้ 59 วัน รถ D8 ได้เดินทางถึงไร่กำนันจุลเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2508  หลังจากที่ได้อยู่เบื้องหลังการเจริญเติบโต และความสำเร็จของไร่กำนันจุล และสังคมรอบข้าง มาเป็นเวลา 40 ปี จึงได้อัญเชิญรถ Caterpillar D8 นี้ ขึ้นเป็นอนุสาวรีย์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงและพระคุณของรถ D8 ทำให้วันที่ 21 มกราคม ของทุกปีกลายเป็นวันสำคัญ เรียกกันว่าวัน Home coming day บริษัทจะให้หยุดงานครึ่งวัน เพื่อรำลึกถึงพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อกำนันจุล (อ้างอิง : เพจเฟสบุ๊ค ไร่กำนันจุล)

ชม ถ่ายภาพเสร็จ เดินทางต่อไป ยังสวน…

 

เตาถ่านเศรษฐกิจพอเพียง

แวะชมการเผาถ่านจากเศษไม้ที่ได้จากไร่ เตาะเล็กใช้เวลาเผา 1 วัน เตาใหญ่ใช้เวลา 7 วัน ถ่านที่ได้ส่วนใหญ่เป็นถ่านไม้มะขาม ไฟแรง ถ่านติดไฟอยู่ได้นาน  และที่สำคัญเผาถ่านแล้ว  ได้น้ำส้มควันไม้ เพื่อใช้ในแปลงออแกนิคสำหรับฉีดพ่นต้นไม้กันแมลง  ผมก็เห็นวิธีทำน้ำส้มควันไม้ที่นี่ เป็นครั้งแรก..

 

แปลง องุ่นแบล็กโอปอล์

ได้ชิมองุ่นแบล็คโอปอลสด ๆ จากต้น แบบไม่อั้น ถ่ายภาพองุ่นที่สุกสีม่วง สีดำ และบรรยากาศนักท่องเที่ยวชมสวนมาให้ชมกันด้วย  นักท่องเที่ยวต้องการเก็บกลับบ้านเลือกเก็บพวงสวยๆ ลูกใหม่ดำๆ ได้เลยครับ เก็บเสร็จนำมาชั่ง ไร่คิดราคากิโลกรัมละ 250 บาท  พนักงานแนะนำให้เก็บผลองุ่นที่สีดำๆ ลูกจะหวาน ผมก็ชิมไปเยอะเหมือนกัน…

หลังชิมองุ่นกิจกรรมสุดท้าย  รถรางขับมาส่งยังจุดแรกเป็นอันเสร็จ การชมไร่กัน  เวลาประมาณ 12.00 น. เที่ยงวันพอดี ใช้เวลาเที่ยวไปกับทัวร์ประมาณ 1 ชั่วโมง  ท้องหิวพอดี

 

ตลาดในสวน มีอาหารจานด่วนให้ทานด้วย..

เดินกลับมาผ่านตลาดในสวน และมาเลือกซื้ออาหารรับประทาน จานเดียว ตามสั่งหลายอย่าง ที่ทางไร่ได้คัดสรรมาให้เลือกทาน มีผัดไทยชาววังคุณตู่ อาหารตามสั่งรวดเร็ว ส้มตำรสแซบ หมูปิ้ง ก๋วยเตี๋ยว และอื่นๆ  มีปลาส้มกำนันจุลทอดกรอบๆ ให้ได้ทานด้วย  ขนมครก  ผมมาคนเดียว.. สั่งผัดไทยชาววังคุณตู่มาทาน ขนมครกหวานมันกรอบ และได้คูปอง 10 บาท ไปแลกน้ำส้ม 1 แก้ว…

 

นักท่องเที่ยว มาเที่ยวแล้วต้องการทานอาหาร กาแฟ ขนม อร่อยๆ ในห้องเย็นๆ  แนะนำร้าน  “ซิลค์คัพ” (Silk Cup)

ซิลค์คัพ (Silk Cup) จะอยู่ทางด้านหน้าร้าน ขับรถเข้ามาจะเห็นอันดับแรก บรรยากาศเย็นสบาย มีอาหารหลากหลายเมนูไว้คอยบริการ นอกจากนั้นยังมีกาแฟสด ที่ใช้เมล็ดกาแฟอราบิก้า คั่วสดใหม่ทุกวัน กาแฟที่ร้านซิลค์คัพ มีรสชาติที่อร่อย หอมกรุ่น เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30 – 19.00 น. ทุกวัน

 

ท้องอิ่ม เที่ยวต่อนะครับ ในไร่กำนันจุล ยังจัดเตรียม สวนสัตว์เล็กๆ (Mini ZOO)  ไว้ให้เดินชม ถ่ายภาพกันอีกครับ…

ฟาร์มแกะ เดินเข้ามาเจอเลย ได้ยินเสียงแกะ  แบ๊ะๆ  มาแต่ไกล  มีหญ้าจำหน่ายมัดละ 10 บาท ยืนให้แกะกิน เก็บภาพตอนนี้จะสวยมากๆ นะครับ

มีซากเครื่องจักรที่ไม่ใช้งาน นำมาตั้งโชว์ในสวนแกะ

 

เดินเข้ามาด้านใน จะพบกับไก่ฟ้าโกลเด่น ไก่ซิลกี่ กระต่าย นกยูง อยู่ในกรง แต่ละตัวสีสดสวย  ท้ายสุดเป็นเรือนเพาะต้นไม้ ต้องการต้นไหนมีจำหน่ายด้วย..

เสร็จชม Mini ZOO เดินผ่านสะพานเชือก ไปยังร้านค้าด้านหน้า เลือกชื้อของฝากไปฝาก ทางบ้านครับ….. ประทับใจกับการเที่ยวชมทริปนี้มากครับ

ขอบคุณ ไร่กำนันจุล วิทยากรและเจ้าหน้าที่  ที่ให้คำแนะนำ ชี้แจงข้อมูลต่างๆ  ให้ถ่ายภาพ ถ่ายคลิป นั่งรถชมสวน ทริปนี้ ครับ…


 

บริษัท ไร่นายจุล คุ้นวงศ์ จำกัด

ที่อยู่ : 442 หมู่ที่ 3 ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ 67000
พิกัด GPS : 16.264251, 101.048443 (คลิกเพื่อดูแผนที่ Google Maps)
เปิดเวลา : 07.00-19.30 น.
ติดต่อ : เบอร์โทร 0 5677 1555 E-mail : kamnanchulfarm@gmail.com
เว็บไซต์ : https://www.kamnanchul.com ซ๊อปออน์ไลน์ : https://www.kamnanchul.com/shop
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/Kamnanchulfarm
แนะนำ :   แต่ละช่วงเวลา ทางไร่กำนันจุลจะจัดกิจกรรมมากมาย เช่น ฟาร์มทัวร์   งานมัลเบอร์รี่ เฟสต์ 2016 ช่วงปลายปีและปีใหม่   ถัดมาจะเป็น “ชิม แชะ องุ่นที่ไร่กำนันจุล” ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และอื่นๆ คอยติดตามในเฟสบุ๊คแฟนเพจ ไร่กำนันจุล กันนะครับ..

ข้อมูลเผยแพร่ใน

http://review.tourismthailand.org/index.php/kamnanchulfarm

ชมคลิป เที่ยวไร่กำนันจุล ชม ชิม แชะ

 

23 กุมภาพันธ์ 2017 / by / in
14 จุดสุดประทับใจ… เที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์

Impressions-3

จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นจังหวัดท่องเที่ยวจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย การเดินทางสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนอยากไปเที่ยวชมทะเลหมอกที่อำเภอเขาค้อ หรือชมดาวบนดินรับความหนาวเย็นที่ภูทับเบิก แต่ที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ นั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าที่อื่นเลย  ศูนย์บริการการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์  ได้รวบรวม 14 จุดสุดประทับใจ ท่องเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์  ไว้ให้นักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวกัน

เมื่อมาเที่ยวเป็นหมู่คณะหรือมาเป็นครอบครัว ติดต่อขอรับบริการนำเที่ยวเป็นหมู่คณะ มีรถนำเที่ยวพาเที่ยวพร้อมวิทยากรให้คำแนะนำ โดยติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ (Tourist Service Center) ที่หอโบราณดคีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย (ศาลากลางเก่า) โทรศัพท์ 056 721523 ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

แนะนำหากต้องการทราบรายละเอียดให้มาที่จุด 2 หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ก่อน ที่นี่เป็นศูนย์บริการการท่องเที่ยว ของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์  และรวบรวมข้อมูลท่องเที่ยว ที่พัก ที่กินต่างๆ ทั้งจังหวัดไว้ที่นี่ มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำอธิบาย  ส่วนสถานที่ท่องเที่ยว 14 จุดสุดประทับใจ มีที่ไหนบ้าง มาติดตามดูกัน

 

1. พุทธอุทยานเพชบุระ (Pechabura Buddhist Park)

เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ ฯ ซึ่งสร้างจำลองมาจากพระพุทธมหาธรรมราชาพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ ที่วัดไตรภูมิ เป็นมหาพุทธานุสรณ์ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของคนเพชรบูรณ์ นอกจากนั้น ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษาในพ.ศ. 2554 องค์พระฯ หล่อด้วยโลหะทองเหลืองบริสุทธิ์หนักกว่า 45 ตันที่ปลายยอดจุลมงกุฎหล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์หนัก 126 บาท องค์พระสูง 16.599 เมตร สูงจากพื้นดิน 35 เมตร ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร ซึ่งมีความหมายว่า
1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทยทั้งประเทศ
1 หมายถึงพระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลกที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์
9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งบรมราชจักรีวงศ์
84 หมายถึงวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ในวันที่ 26กันยายน 2554 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีบรรจุพระบรม สารีริกธาตุจาก 9ประเทศไว้ที่ปลายยอดจุลมงกุฎและเบิกพระเนตรองค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระ เกียรติฯ ณ พุทธยานเพชบุระ
พิกัด GPS : 16.446460, 101.153491 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)
รายบะเอียดเพิ่มเติม   http://www.tourphetchabun.com/pechabura

 

2. หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย (PhetchabunIntrachai Archaeology Hall)

เป็น การปรับปรุงศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่าให้เป็นหอโบราณคดีที่จัดแสดง เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์แบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 จัดแสดงเป็น ห้องโถงต้อนรับ ห้องกาแฟและห้องว่าด้วยของกินในเพชรบูรณ์ ชื่อว่า ห้องครัวเพชรบูรณ์ ระยะ 2 จะเป็นการจัดแสดงเรื่องราวของเพชรบูรณ์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึง ยุคศรีเทพระยะ 3 จะจัดแสดงในช่วงต่อมาคือ สมัยสุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ จนถึงยุคร่วมสมัย มีห้องสมุดทางวัฒนธรรมของเพชรบูรณ์และห้องจัดนิทรรศการหมุนเวียน สำหรับชื่อ เพ็ชรบูรณ์อินทราชัยนั้น เป็นพระนามของเจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสอันดับที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ (Tourist ServiceCenter) อีกด้วย
พิกัด GPS : 16.419124, 101.159743 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

3. ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพชรบูรณ์ (Phetchabun City Pillar Shrine)

มี ลักษณะเป็นศาลาทรงไทยตรีมุขเป็นที่ตั้งเสาหลักเมืองแห่งเดียวในประเทศไทยที่ ทำด้วยหิน ซึ่งในการบูรณะศาลหลักเมืองเมื่อปีพ.ศ.2548 ได้พบว่าเสาหลักเมืองนั้นเป็นศิลาจารึกอักษรขอมเขียนเป็นภาษาสันสกฤตเล่า เรื่องเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์1 ด้านและศาสนาพุทธ 3 ด้าน ตัวเสาหลักเมืองเป็นแท่งเสาหินทรายสีเทามีลักษณะปลายป้านโค้งมน มีความสูงจากฐานล่างจนถึงปลายยอด 184 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 15-16 เซนติเมตร สันนิฐานว่า น่าจะอัญเชิญมาจากเมืองศรีเทพตั้งแต่ครั้งโบราณและมาประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ ก่อน แล้วจึงอัญเชิญมาตั้งเป็นเสาหลักเมืองเมื่อ พ.ศ. 2443 จากการลอกลายอักษรและอ่านโดยกรมศิลปากรพบว่าศิลาจารึกนี้ มีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่16จึงนับว่าเป็นเสาหลักเมืองที่ทรงคุณค่าและเก่า แก่ที่สุดในประเทศไทยอายุนับพันปี ซึ่งชาวเพชรบูรณ์ให้ความศรัทธา เคารพสักการะและเชื่อถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด ผู้ที่สนใจ สามารถชมตัวอักษรบนเสาหลักเมืองคำอ่าน และคำแปล ได้ที่หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์
พิกัด GPS : 16.420658, 101.159977 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

4. หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์ (Nakornban Phetchabun Cultural Hall)

เป็น การปรับปรุงศาลาประชาคมจังหวัดเพชรบูรณ์เดิม โดยเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ให้เป็นอาคารขนาดใหญ่เพื่อเป็นสถานที่ รวบรวม จัดแสดง ถ่ายทอด เรื่องราวทางศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นของเพชรบูรณ์ เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้และคิดค้นองค์ความรู้ใหม่เพื่อการพัฒนาด้าน วัฒนธรรมเพื่อช่วยเสริมสร้างให้ประชาชนเรียนรู้วัฒนธรรมและมีสำนึกรักท้องถิ่นของตนเอง และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย อาคารแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ห้องประชุม มีเวทีสามารถจัดกิจกรรมและการแสดงต่าง ๆ ส่วนที่ 2 คือ ส่วนที่เป็นห้องโถงไว้สำหรับจัดแสดงนิทรรศการ ส่วนที่ 3 คือ เวทีและลานสำหรับจัดกิจกรรมกลางแจ้ง
พิกัด GPS : 16.420619, 101.159373 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

5. ประติมากรรมมะขามหวาน (Model of Sweet Tamarind)

สร้าง ขึ้นเพื่อเป็นจุดสัญลักษณ์“เพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวาน” เป็นจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวเมื่อได้เดินทางมาถึงเพชรบูรณ์แล้ว เป็น ประติมากรรมมะขามหวานพันธุ์หมื่นจงมีลักษณะฝักโค้งและผอมเพราะมะขามหวาน หมื่นจงเป็นมะขามหวานพันธุ์แรกที่ปลูกในเพชรบูรณ์ ต้นเก่าแก่ดั้งเดิมอยู่ที่อำเภอหล่มเก่า มะขามหวานที่นิยมปลูกกันมากใน จังหวัดเพชรบูรณ์นอกจากพันธุ์หมื่นจงแล้ว ยังมีพันธุ์สีทอง ประกายทอง น้ำผึ้ง ศรีชมพูอินทผลัม ฯลฯ ด้านหลังประติมากรรมยังมีป้ายข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมะขามหวานให้ผู้ที่สนใจ ได้อ่านและศึกษาอีกด้วย
พิกัด GPS : 16.420619, 101.159373 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps) ที่ตั้งที่เดียวกับ  หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์

 

6. หอประวัติศาสตร์เพชบุระ (Pechabura Historical Hall)

เดิม เป็นที่ตั้งของจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ได้ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะกลางเมือง ชื่อว่า “สวนสาธารณเพชบุระ” (เพ-ชะ-บุ-ระ) ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมของเพชรบูรณ์ ตามที่ปรากฏในจารึกบนลานทองคำที่ค้นพบในกรุเจดีย์วัดมหาธาตุซึ่งมีความหมาย ว่าเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร ภายในสวนฯ มีลานเอนกประสงค์ขนาดใหญ่และเวทีสำหรับจัดงานต่างๆ มีลานออกกำลังกาย ศูนย์ออกกำลังกาย ประติมากรรมเมืองอยู่สบาย ส่วนตัวอาคารจวนผู้ว่าฯ เก่าได้จัดทำเป็นหอประวัติศาสตร์รวบรวมประวัติบุคคลสำคัญ เหตุการณ์สำคัญ ภาพในอดีตของเพชรบูรณ์ห้องสมุดข้อมูลเพชรบูรณ์ เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่ได้ขุดค้นพบในเพชรบูรณ์รวมทั้งของที่ประชาชนทั่วไปได้บริจาคมาร่วมจัด แสดงด้วย
พิกัด GPS : 16.419078, 101.157251  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

7. หอภูมิปัญญาและวิถีชาวบ้านเพชรบูรณ์ (Hall of Phetchabun Wisdom and Folkways)

เป็น อาคารสำนักงานกาชาดเก่าที่อยู่ในบริเวณสวนสาธารณะเพชบุระได้จัดเป็นหอแสดงภูมิปัญญา และวิธีชีวิตคนเพชรบูรณ์แบ่งเป็นเรื่องการทำมาหากินอาชีพดั้งเดิม ของคนเพชรบูรณ์ 6 เรื่องด้วยกัน คือ ข้าว ข้าวโพด มะขามหวาน ใบยาสูบ การหาของป่าและวิถีชีวิตริมแม่น้ำป่าสัก พร้อมทั้งเครื่องมือทำมาหากินและเครื่องมือที่ใช้ในชีวิตประจำวันโดยจัดเป็น ห้องนิทรรศการที่ทันสมัย สวยงามและมีคุณค่ายิ่ง
พิกัด GPS : 16.419078, 101.157251  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)  ที่ตั้งที่เดียวกับ หอประวัติศาสตร์เพชบุระ

 

8. วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง (Mahathad Royal Temple)

เป็น วัดเก่าแก่ที่สุดคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัยด้านหลังโบสถ์ มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ สูงประมาณ 8 วาเศษ เมื่อพ.ศ. 2510 ได้มีการขุดค้นเจดีย์ พบจารึกลานทองในท้องหมูสำริดจารึกว่า “พระเจ้าเพชบุร” เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ.1926 และยังพบพระพุทธรูปสมัยต่างๆเช่น ทวาราวดี ลพบุรีสุโขทัย อู่ทอง และพระเครื่องเนื้อชิ้นพิมพ์ต่าง ๆ มากมายเช่น ร่มโพธิ์ เปิดโลกนาคปรก นางพญา ซุ้มเรือนแก้ว ซุ้มประตูชัย ฯลฯ  นอกจากนั้น ยังเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชรมีชัยที่ตามพงศวดารระบุว่า พระยาจักรี (รัชกาลที่ 1) ในขณะนั้นได้เคยมานมัสการในขณะเดินทัพมาพักที่เพชรบูรณ์ วัดมหาธาตุเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีความสำคัญต่อเมืองเพชรบูรณ์มา ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
พิกัด GPS : 16.420641, 101.155428 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

9. วัดไตรภูมิ (Triphum Temple)

เป็นวัดกลางเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก มีอายุกว่า 400 ปี อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธมหาธรรมราชาพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางสมาธิ ศิลปะขอม หน้าตักกว้าง 13นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน หล่อด้วยทองสำริด ทรงชฎาเทริดดูน่าเกรงขาม เข้มขลัง งดงามมาก เป็นพระพุทธรูปที่คนเพชรบูรณ์เชื่อกันว่า พระเจ้าชัยวรมันที่7 พระราชทานให้แก่พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด เพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเมื่อครั้งที่พ่อขุนผาเมืองทรงอภิเษกกับ พระราชธิดาพระนางสิงขรเทวี ภายในวัดไตรภูมิยังมีเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองสูงประมาณ9 เมตร และมีความยาวรอบฐาน 9 เมตร ในอดีต ท่าน้ำหน้าวัดไตรภูมิยังเป็นท่าน้ำที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญเป็นที่ ตั้งของตลาดเมืองเพชรบูรณ์เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากันมาแต่โบราณกาล
พิกัด GPS : 16.422762, 101.161141  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

10. กำแพงเมืองและหอนิทรรศน์กำแพงเมืองเพชรบูรณ์ (Phetchabun WallExhibition Hall)

ลักษณะ กำแพงก่ออิฐถือปูนที่ประตูเมืองมีหินทรายและศิลาแลงประกอบบางส่วน สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยกลางกรุงศรีอยุธยามีรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 500 เมตร มีป้อมปราการทั้งหมด 4 ป้อมคือป้อมศาลเจ้าพ่อ ป้อมศาลเจ้าแม่ ป้อมหลักเมือง และป้อมที่ยังสมบูรณ์ที่สุดคือป้อมสนามชัย ยังคงมีซากประตูเมืองอยู่ 2 ด้านคือประตูชุมพลทางทิศตะวันตกที่ถนนเพชรรัตน์และประตูดาวทางทิศตะวันออก ที่ข้างวัดประตูดาว กำแพงเมืองเพชรบูรณ์มีลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งคือ ตัวป้อมแต่ละมุมจะยื่นไปนอกแนวกำแพงเรียกว่าเป็นการสร้างป้อมแบบหัวธนู
ส่วนหอนิทรรศน์กำแพงเมือง เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงรายละเอียดการสร้างกำแพงเมืองโบราณของเพชรบูรณ์ 2 ยุคสมัยด้วยกัน คือ สมัยสุโขทัยและอยุธยา ภายในหอฯ นอกจากจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวัดโบราณและตำนานพื้นบ้านที่ร่วมสมัยกับกำแพง เมืองเพชรบูรณ์แล้ว ยังมีข้อมูลความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำแพงเมืองในที่ต่างๆ อีกด้วย ส่วนอาคารด้านนอกจะสร้างโดยใช้ลักษณะแบบป้อมกำแพงเมืองที่มีใบบังและใบเสมา ตามหลักฐานทางโบราณคดีซึ่งสามารถเดินรอบและขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูวิวทิวทัศน์ อย่างป้อมกำแพงเมืองจริงๆ ได้
พิกัด GPS : 16.423414, 101.162003  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

11. วัดเพชรวรารามพระอารามหลวง (Phet-wararam Royal Temple)

เป็น วัดที่มีความสำคัญยิ่ง ที่สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จฯมาเยี่ยมและเผยแพร่ธรรมถึง 3 พระองค์ และเป็นวัดที่มีพระอุโบสถที่งดงามยิ่ง มีสำนักเรียนพระปริยัติธรรม แผนกนักธรรมและแผนกบาลีภายในวัดมีสวนป่าสวยงาม ร่มรื่น เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพฤกษศาสตร์และเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมและพักผ่อน หย่อนใจ  เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมาเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2521 และนอกจากนี้ภายในวัดยังมีปูชนียสถานที่สำคัญ คือ มณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธบาทจำลอง และพระไพรีพินาศ
พิกัด GPS : 16.416042, 101.163353  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

12. วงเวียนอนุสรณ์นครบาลเพชรบูรณ์ (NakornbanPhetchabun Memorial Circle)

จัดสร้างขึ้นโดยจำลองจากเสาหลักเมืองนครบาลฯที่เมื่อ พ.ศ. 2486-2487 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ออกพระราชกำหนดย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เพชรบูรณ์โดยใช้ชื่อว่า “นครบาลเพชรบูรณ์” เพราะเห็นว่าเพชรบูรณ์นั้นมีเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม อากาศดี อยู่ใจกลางประเทศ มีภูเขาล้อมรอบและมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว และได้ดำเนินการอพยพราษฎรมาตั้งหลักแหล่งที่เพชรบูรณ์พร้อมกับย้ายที่ทำการ รัฐบาลตลอดจนสถานที่ราชการต่าง ๆ มาตั้งที่เพชรบูรณ์ และได้ทำการปักเสาหลักเมืองหลวงไว้ที่บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก เสาหลักเมืองนี้ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ฐานล่างประกอบด้วยไม้มงคล 8 อย่าง นอกจากนั้นยังปรากฏหลักฐานว่าได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้ที่ เพชรบูรณ์อีกด้วย ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่อนุมัติให้พระราชกำหนดระเบียบราชการบริหาร นครบาลเพชรบูรณ์เป็นพระราชบัญญัติแต่ด้วยคะแนนเสียง 48 ต่อ 36 ด้วยเหตุผลที่ว่า ”เพชรบูรณ์เป็นดินแดนกันดาร มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าเขาและมีไข้ป่าชุกชุม” การสร้างเมืองหลวงใหม่จึงถูกยกเลิกไป อนุสรณ์นครบาลเพชรบูรณ์แห่งนี้จึงสร้างขึ้นเป็นเพื่อรำลึกถึงบุญคุณและ อัจฉริยภาพของ จอมพลป.พิบูลสงคราม และเพื่อคนเพชรบูรณ์ จะได้ภูมิใจในประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งและความเจริญก้าว หน้าของบ้านเมืองตน
พิกัด GPS : 16.417047, 101.153887  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

13. หอนาฬิกาแชมป์โลกคู่แฝด (ClockTower of the Twin World Champion Boxers)

เป็นอนุสรณ์แก่แชมป์โลกคู่แฝดชาวเพชรบูรณ์เขาค้อ และเขาทราย แกแลคซี่ โดยเขาทรายแกแลคซี่ เป็นแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท ของสมาคมมวยโลก (WBA) เป็นแชมป์โลกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2527  ชกป้องกันตำแหน่งชนะ 19 ครั้ง โดยไม่เสียตำแหน่ง ก่อนแขวนนวม 1 กุมภาพันธ์ 2535  สมาคมมวยโลกยกย่องให้เป็นนักชกยอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ. 2532 นักชกยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษเมื่อ พ.ศ.2533 และรางวัล “WORLDBOXING HALL OF FRAME” บรรจุชื่อไว้ในหอเกียรติยศนักมวยที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกของ WBA ณ เมืองคานาสโตต้า สหรัฐอเมริกา  ส่วนเขาค้อ แกแลคซี่เป็นแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท ของสมาคมมวยโลก และเป็นแชมป์รุ่นนี้คนแรกของไทยได้แชมป์โลกเมื่อ 9 พฤษภาคม 2531 ซึ่งทั้งสองคนได้สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นอย่างมากโด่ง ดังไปทั้งประเทศในฐานะที่เป็นแชมป์โลกคู่แฝดในเวลาเดียวกัน
พิกัด GPS : 16.418951, 101.154955  (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

14. สวนสาธารณะหนองนารี (Nong-Naree Public Park)

เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่เป็นแหล่งพันธุ์พืช ประเภทบัวนานาชนิด แหล่งพันธุ์ปลาต่างๆ ตลอดจนนกหลากหลายสายพันธุ์ทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพจากถิ่นอื่น เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ปรับปรุง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ออกกำลังกายสถานที่จัดงานประเพณีและกีฬา รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังได้จัดทำอุทยานวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในทุก ๆ ด้าน เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ดาราศาสตร์พืชศาสตร์ บรรพชีวิน พลังงาน สิ่งแวดล้อม ธรณีวิทยา แสงเลเซอร์ และมีท้องฟ้าจำลองหอดูดาว โรงหนัง 3 มิติ อุทยานบัวสวนพฤกษศาสตร์ ฯลฯ ชื่อหนองนารีนั้น มีที่มาจากการทำนาที่ได้ปั้นคันนาเป็นรูปโค้งรีๆ ไม่ตัดตรงแบบคันนาที่อื่นๆ จึงเรียกว่า บ้านนารีต่อมาเมื่อสมัยนครบาลเพชรบูรณ์ได้มีการสร้างถนนกั้นทางน้ำจนเกิด เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่
พิกัด GPS : 16.438811, 101.145198 (คลิกเพื่อไปดูพิกัดในแผนที่ Google Maps)

 

(ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก: ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์)

ข้อมูลเผยแพร่ใน

http://review.tourismthailand.org/index.php/14-impressions-phetchabun-city-tour/

 

23 กุมภาพันธ์ 2017 / by / in
พุทธอุทยานเพชบุระ สักการะพระพุทธมหาธรรมราชาฯ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

ณ พุทธอุทยานเพชบุระ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์  มีพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งเป็นพระพุทธมหาธรรมราชาจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเพชรบูรณ์ ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ องค์พระหน้าตัก 11.984 เมตร สูง 16.5899 เมตร สูงจากพื้นดิน 35 เมตร หนักกว่า 45 ตัน และที่สุดแห่งมหามงคล คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ปลายยอดจุลมงกุฎและเบิกพระเนตรองค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ

การได้มากราบสักการะขอพรนับเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มาเที่ยวเพชรบูรณ์ พลาดไม่ได้..

(ภาพ : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ด่านล่างไปอำเภอหล่มสัก ช่วงกลางพุทธอุทยานเพชบุระ ด้านบนไปตัวเมืองเพชรบูรณ์ 1 กิโลเมตร)

(ภาพ : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ด่านล่างไปตัวเมืองเพชรบูรณ์ 1 กิโลเมตร ช่วงกลางพุทธอุทยานเพชบุระ ด้านบนไปอำเภอหล่มสัก)

การเดินทาง เมื่อขับรถมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) มาจากกรุงเทพฯ เข้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์  ที่อำเภอศรีเทพฯ  จะเห็นป้ายคำขวัญติดอยู่ข้างถนนหลายๆ จุด “เมืองมะขามหวาน อุททยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง” แสดงว่าท่านอยู่ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว  เมื่อเดินทางผ่านตัวเมืองเพชรบูรณ์ มาระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร หรือหากเดินทางมาจากอำเภอหลักสัก ผ่านมหาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ มาระยะทางประมาณ 300 เมตร สังเกตดูหลักกิโลเมตรที่ 225  เราก็จะเป็นองค์พระใหญ่เนื้อโลหะดำทอง สูงประมาณ 35 เมตร อยู่ริมถนนแสดงว่าท่านถึง พุทธอุทยานเพชบุระแล้ว เชิญแวะมาเยี่ยมชมความสวยงาม กราบสักการะขอพรกันได้นะครับ

แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พักในเขตเมืองเพชรบูรณ์

มาถึงแล้วขับรถเข้าไปจอดบริเวณลานจอดรถบริเวณกว้าง ทั้งทางด้านซ้ายและขวาขององค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ  แล้วเดินมายังศาลามีทั้งสองด้าน เพื่อกราบสักการะองค์พระพุทธมหาธรรมราชาพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวเพชรบูรณ์ (มีดอกไม้ ธูปเทียน แผ่นปิดทอง เตรียมไว้ให้) จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปกราบสักการะองค์พระใหญ่ หากผู้หญิงใส่กางเกงขาสั้นหรือชุดไม่สุภาพ ทางมูลนิธิฯ ได้จัดเตรียมผ้าไว้ในถังสำหรับสวมใส่เดินขึ้นไปลานองค์พระใหญ่ด้วยนะครับ

บริเวณลานด้านบน มีองค์พระให้กราบไว้สักการะอีกจุดหนึ่ง มีคำกล่าว “คาถาบูชาพระพุทธมหาธรรมราชา” ไว้ให้กล่าวตาม เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเอง…ครับ

ถ่ายภาพ ความสวยงามขององค์พระใหญ่ฯ มุมนี้สวยงามมากครับ

เดินรอบ ๆ องค์พระใหญ่ฯ ชมความสวยงามขององค์พระใหญ่ ลวดลายปูนปั้นและมีองค์พระพุทธมหาธรรมราชาองค์เล็กอยู่รอบๆ มีศาลาสำหรับนั่งพักตั้งอยู่มุมทั้งทางด้านซ้ายและขวา มีลิพฟ์สำหรับบริการผู้พิการ

ถ่ายภาพ กลุ่มหรือหมู่คณะ ให้เห็นวิวในส่วนของสะพานและสระน้ำทางด้านหลัง

ก่อนจะเข้าไปชมความสวยงามห้องใต้ฐานพระใหญ่ ชั้นที่ 3  มาทราบประวัติความเป็นมากันเสียก่อน ปฐมบทแห่งการจัดสร้าง พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 7 รอบ 84 พรรษา หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯหรือ องค์พระใหญ่

จากประวัติศาสตร์ตำนานการจัดสร้างและการค้นพบ  พระพุทธมหาธรรมราชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่นับถือศรัทธาของประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 7 รอบ 84 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2554  นายกองเอก  วิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์  จึงมีแนวคิดริเริ่มให้มีการจัดสร้างพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร สูง 16.5899 เมตร สูงจากพื้นดิน 35 เมตร หนักกว่า 45 ตัน ประดิษฐานในพุทธอุทยานเพชบุระ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 7 รอบ 84 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสืบทอดพระพุทธศาสนาของประชาชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์

หลังจากนั้นท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ก็ได้หารือบุคคลหลายฝ่ายทั้งคณะสงฆ์ ภาคราชการและเอกชน ซึ่งก็ได้มีความคิดเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะมีการดำเนินการจัดสร้างและพร้อมที่จะร่วมแรงร่วมใจการดำเนินการทุกอย่าง โดยเฉพาะนางจงรักษ์  โฆษิตานนท์ ซึ่งเมื่อรับทราบข่าวก็ได้แสดงเจตนาร่วมทำบุญทุนประเดิมเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท พร้อมกับ ดร.วิศัลย์  โฆษิตานนท์ บุตรชายอีก 2 แสนบาท

โครงการจัดสร้างพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ เริ่มเปิดตัวในวันที่ 19 กันยายน 2552 ซึ่งเป็นวันประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำตามประเพณีประจำปี 2552 ณ สวนสาธารณะเพชบุระ โดยนายกองเอก  วิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สนทนาร่วมกันผ่านวิทยุกระจายเสียงว่า สมควรที่จะสร้างพุทธอุทยานของจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีที่สำคัญตามประเพณีและเป็นจุดรวมศรัทธาของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ และพุทธศาสนิกชน โดยมีพระพุทธมหาธรรมราชาองค์ใหญ่เป็นพระพุทธรูปองค์ประธานในพุทธอุทยาน

ต่อมาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีประชุมร่วมกันหลายฝ่าย พิจารณาแล้วจึงมีมติเห็นชอบให้จัดสร้างพุทธอุทยานขึ้นเพื่อเป็น โครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ใน พ.ศ.2554 ณ ที่ดินราชพัสดุสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ เนื้อที่ 16-0-18 ไร่ ด้านหลังมีสระน้ำขนาดใหญ่ 80 ไร่ เชื่อมโยงไปยังแม่น้ำป่าสักสายเก่า ซึ่งเป็นลำน้ำตามตำนานที่พบองค์พระพุทธมหาธรรมราชาครั้งแรก และให้ชื่อว่า “พุทธอุทยานเพชบุระ” โดยมีพระพุทธมาธรรมราชาองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร ประดิษฐานเป็นองค์ประธาน ให้ใช้นามองค์พระเป็นทางการว่า “พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 7 รอบ 84 พรรษา” สำหรับหน้าตักที่มีขนาด 11.984 เมตร นั้น มีความหมาย ว่า

  • เลข 1 ตัวแรก หมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอก เป็นหนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
  • เลข 1 ตัวที่สอง หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นองค์พระที่อันเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์
  • เลข 9 หมายถึง รัชการที่ 9 แห่งบรมราชจักรีวงศ์
  • เลข 84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

ในปีต่อมา ด้วยแรงศรัทธาและความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการิเริ่มโครงการของท่าน นายกองเอกวิลาศ  รุจิวัฒนพงศ์ จึงได้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้นเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดลบัลดาลให้ ท่านได้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์อีกครั้ง เพื่อมาสร้างกุศลครั้งใหญ่ร่วมกับชาวเพชรบูรณ์ ให้สำเร็จ ได้ลงมือระดมสรรพกำลังทุกฝ่าย และเร่งมือดำเนินการทันทีที่ท่านได้เข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า “หนึ่งเดียวไทย ร่วมใจถวายองค์ราชัน”  เพื่อถวายเป็นประราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 มีการดำเนินการ

  • วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 ทำการลงนามในสัญญากับโรงหล่อ เริ่มหล่อชิ้นส่วนต่างๆ
  • วันที่ 13 ธันวาคม 2553 ทำพิธีวางศิลาฤกษ์
  • วันที่ 14 กรกฎาคม 2554 พิธีต้อนรับชิ้นส่วนองค์พระฯ สู่จังหวัดเพชรบูรณ์
  • วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 พิธียกชิ้นส่วนชิ้นแรก คือ หน้าตักส่วนกลางขึ้น ประดิษฐาน
  • วันที่ 12 สิงหาคม 2554 พิธียกยอดฉัตร
  • วันที่ 13 กันยายน 2554 พิธียกบาตรน้ำมนต์ประดิษฐานบนพระหัตถ์
  • วันที่ 26 กันยายน 2554 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ปลายยอดจุลมงกุฎ ได้ทำการอัญเชิญปลายยอดทองคำประดิษฐานบนยอดจุลมงกุฎเป็นชิ้นส่วนสุดท้าย และเบิกเนตรองค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ ณ พุทธอุทยานเพชบุระ จังหวัดเพชรบูรณ์ อันถือได้ว่า พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ ได้ประกอบเป็นองค์ครบถ้วนทุกชิ้นส่วน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ “ที่ระลึกในการสร้าง มหาพุทธานุสรณ์ บนแผ่นดินเพชรบูรณ์ พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ, 2554”

เสร็จจากการเดินชม องค์พระใหญ่บริเวณลานด้านบนแล้ว  เดินเข้ามายังห้องใต้ฐานพระซึ่งถือว่าเป็นชั้นที่ 3 โดยให้เดินเข้าทางด้านขวา เมื่อหันหน้าเข้ากับองค์พระใหญ่ (ถอดรองเท้าด้วยนะครับ)

ภายในห้องด้านใน มีพระพุทธรูปสำคัญๆ ในประเทศไทย รวมทั้งรูปปั้นหลวงพ่อสำคัญๆ  รวบรวมมาไว้ที่ชั้นนี้เพื่อให้ได้สักการะเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว  แลกเหรียญก่อนนำไปใส่บาตร มีคุณป้าใจดี คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อมูล สอบถามได้เลยนะครับ..

เริ่มจากด้านซ้ายสุด พระพุทธรูปหลวงพ่อบึงสามพัน หลวงพ่อใหญ่วัดตาล หลวงพ่อเพชรมีชัย พระพุทธทักษิณมิ่งมลคล หลวงพ่อพระไส พระพุทธสิหงค์ พระพุทธโสธร พระพุทธชินราช พระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ธาตุ 16 พระองค์

 ทำบุญใส่บาตรพระประจำวันเกิด

ใ่ส่บาตรหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หลวงปู่มั่น หลวงปู่เงิน
พระมลคลเทพมุนี หลวงพ่อทบ หลวงปู่แหวน

รายชื่อผู้ร่วมจิตศรัทธา ร่วมบริจาคก่อสร้างพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ

จากนั้นลงบันไดไปชั้น 2  และชั้น 1 (หยิบรองเท้าลงมาด้วย) ไปชมภาพสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในจังหวัด ข้อมูลโทรศัพท์ติดต่อหน่วยงาน สถานที่ท่องเที่ยวหรือที่พักต่าง ๆ ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดใกล้เคียง ติดไว้ที่บอร์ดชั้น 1

ชั้น 2 เป็นที่ทำการมูลนิธิพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ และห้องประชุมต่าง ๆ หากท่านที่สนใจบูชาเช่าวัตุมงคล ติดต่อเจ้าหน้าที่หรือโทรมาสอบถามได้   พระบูชาหน้าตัก 9 นิ้ว 9,999 บาท พระบูชาหน้าตัก 5 นิ้ว 5,999 บาท พระแขวนหน้ารถ 299 บาท เหรียญทองแดง 199 บาท  พระกิ่ง นว พิมพ์เล็ก 499 บาท  พระกิ่ง นว พิมพ์ใหญ่ 900 บาท พระกิ่งเนื้อเงิน 2,999 บาท และมีอื่นๆ

ก่อนกลับเดินเที่ยวชมบริเวณรอบๆ ได้จัดสวนให้เป็นที่พักผ่อน มีป้ายข้อความ ฉากหลัง สำหรับถ่ายภาพเพื่อแสดงว่า ครั้งหนึ่งได้มาเที่ยวเพชรบูรณ์ มีศาลากลางน้ำ สวนกลางน้ำ มีน้ำพุทั้งสองด้านของศาลากลางน้ำ บางครั้งลมแรงละอองน้ำพุปลิวมากระทบรู้สึกเย็นสบาย และได้ยินเสียงน้ำพุตกกระทบน้ำเหมือนกับว่าได้อยู่บริเวณน้ำตกแห่งใดแห่งหนึ่ง บรรยากาศดีมากๆ

ภาพถ่ายในช่วงเย็นๆ แสงพระอาทิตย์สีทอง จะส่องมากระทบกับองค์พระ ทำให้สวยงามมาก
มาเที่ยวที่นี้ช่วงเย็นๆ มาถ่ายภาพทางด้านหลังได้ครับ

ห้องน้ำที่นี้ขนาดใหญ่ มีพนักงานทำความสะอาดคอยดูแลเป็นพิเศษ แยกเป็นห้องน้ำชาย หญิง และคนพิการ

ศาลาพักผ่อนมีหลายจุด และที่จอดรถที่นี้บริเวณกว้างเลือกจอดได้ตามชอบ…


 

 

#Youtupe#  ชมคลิปประกอบการรีวิวครั้งนี้ครับ 
#Youtupe#  ชมคลิป ภาพมุมสูง พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมเพระเกียรติฯ (พระใหญ่เพชรบูรณ์) ถ่ายจากโดรน สวยงามมากๆ
#Youtupe#  ชมคลิป เพลย์ลิสต์ ประวัติความเป็นมา การจัดสร้าง 9 คลิป

พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ

ที่ตั้ง : พุทธอุทยานเพชบุระ หลักกิโลเมตรที่ 225 ทางหลวงแผ่นดินที่ 21 (สระบุรี-หล่มสัก) ตำบลสะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
พิกัด GPS : 16.446488, 101.153522
ติดต่อ : มูลนิธิพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ  เบอร์โทรศัพท์ 0 5673 7150
ขอบคุณ : ข้อมูลต่างๆ จากมูลนิธิพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ

ข้อมูลเผยแพร่ใน

พุทธอุทยานเพชบุระ สักการะพระพุทธมหาธรรมราชาฯ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

23 กุมภาพันธ์ 2017 / 1 Comment / by / in
ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย By พี่นิด ต้นตำรับกว่า 30 ปี

ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เอกลักษณ์ รสชาติ ความอร่อย มีให้ท่านได้ทานกันที่จังหวัดสุโขทัย แต่ถ้าหากท่านมาในตัวเมืองเพชรบูรณ์ อยากทานก๋วยเตี๋ยวสูตรต้นตำรับสุโขทัยโดยตรง ต้องมาทานที่ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย BY พี่นิด” เรื่องรสชาติรับรองใครมาไม่ผิดหวัง ร้านนี้จะเด่นเรื่องความอร่อยเป็นก๋วยเตี๋ยวสูตรคุณยายม้วน ซึ่งเป็นมารดาของพี่นิด ต้นตำรับขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้กับสี่แยกโตโยต้าสุโขทัยมานานกว่า 30 ปี ปัจจุบันอายุมากแล้วได้ย้ายมาอยู่กับพี่นิดที่เพชรบูรณ์ คอยจัดการเรื่องก๋วยเตี๋ยว เครื่องปรุง ทำน้ำซุป น้ำจิ้มลูกชิ้น แกงเขียวหวานให้   ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยร้านนี้เส้นเหนียวนุ่ม ลวกได้อย่างพอดี ถั่วฟักยาวหั่นแฉลบ หอมน้ำตาลปี๊บ ถั่วลิสงและพริกป่น บอกได้คำเดียวว่า ไม่ควรพลาด รสชาติน้ำซุปก็กลมกล่อม คนที่ไม่ทานรสจัดไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยครับ แถมมีลูกชิ้นปิ้งสุดอร่อย ลอดช่องวัดเจษ เฉาก๋วยชากังราว ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ ร้านติดแอร์เย็นตกแต่งสวยงาม บรรยากาศแบบสบายๆ เรียบง่าย  นายมะขามได้มาทานก๋วยเตี๋ยวร้านนี้บ่อยๆ วันนี้จะมารีวิวร้านอยู่มุมไหน มีเมนูเด็ดอะไรกันบ้าน มาติดตามกัน..

ร้านอยู่ในตัวเมืองเพชรบูรณ์ โซนสถานีขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์ ใกล้กับสระว่ายน้ำโรงเรียนประสิทธิ์วิทยา หากเดินทางจากท่ารถเพชรประเสริฐหรือสี่แยกสะเดียง ทางหลวงหมายเลข 21  ให้เข้าตัวเมืองเพชรบูรณ์ ผ่านอนุสรณ์สถานเขาค้อเขาทรายหรือวงเวียนน้ำพุ จนถึงถนนพุทธบาทให้เลี้ยวขวา เดินทางไปตามถนนจนถึงวัดภูเขาดินให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเทพาพัฒนา 1.5 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรพัฒนาอีก 50 เมตร ทางซ้ายมือจะเห็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างมีป้ายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย By พี่นิด ติดอยู่หน้าร้าน

ชั้นล่างด้านหน้า ทำเป็นครัวสำหรับปรุงก๋วยเตี๋ยว จัดเรียงวัตถุดิบ เครื่องปรุงไว้อย่างมีระเบียบ สะอาดดี ลูกซิ้นก็ปิ้งตรงนี้ เดินผ่านหอมชวนทาน มีขนมต่างๆ ที่สั่งตรงอร่อยๆ ขึ้นชื่อจากสุโขทัยโดยตรง จัดวางให้ลูกค้าไว้เลือกทาน แต่มาแปลกใจตรง จานอะไรจัดวางไว้ในตู้เยอะแยะ พี่นิดแจ้งให้ทราบว่า เป็นจานเครื่องต้มยำ เตรียมไว้หากมีลูกค้าเยอะๆ สามารถหยิบมาทำน้ำต้มยำก๋วยเตี๋ยว…ได้เลย

หน้าร้านมีป้ายเมนูแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (30 บาท)   ก๋วยเตี๋ยวแห้งไท (30 บาท)  ลูกชิ้นปิ้งมีทั้งหมูและเนื้อ (ไม้ละ 10 บาท) ลอดช่องวัดเจษ (20 บาท)  เฉาก๋วยชากังราว (20 บาท) และขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ (30 บาท มีขายวันพุธ เสาร์และอาทิตย์)

ภายในร้านติดแอร์เย็นสบาย จัดโต๊ะไว้อย่างมีระเบียบ มีโต๊ะ 9 ตัว แต่ละตัวมีเก้าอี้ 4 ตัว และมีโต๊ะเด็กอีก 1 ตัว สรุปแล้วด้านใน ลูกค้านั่งด้านในได้ประมาณ 40 ท่าน ด้านนอกมีอีก 2 โต๊ะ นะครับ  ผมชอบตรงจัดร้านแบบเรียบๆ ง่ายๆ ดูแล้วสบายตาดี ชอบอีกอย่างกล่องใส่ตะเกียบ หรือไม้จิ้มฟัน ทำมาจากไม้มีรูปช้างติดด้วย แถมกล่องใส่กระดาษทิชชูก็เก๋ดี นั่งอยู่ในร้านคิดว่าจะอยู่เมืองเก่าสุโขทัย..

วันนี้ ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งไท ของชอบของผม ดูในชามมีตับ หมูแดง หนังหมู ผักชีฝรั่งหรือใบเลื่อย ถั่วฝักยาวหั่นแฉลบบางๆ น้ำตาลปี๊บ ถั่วคั่ว มีพริกป่นติดมานิดหน่อย มะนาวอีก 1 ชิ้น เอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ที่ชอบมากคือ น้ำซุปกระดูกเล้งจานใหญ่ๆ มารอไว้ตรงหน้าผมแล้ว.. ผมจัดแจงคลุกเคล้าในจานจนเกิดความเหนียว ทำให้น้ำตาลปี๊บเข้าไปเคลือบเส้น ตัดด้วยน้ำปลานิดหนึ่ง ตัดเค็มอีกนิด บีบมะนาวลงไปด้วย ถั่วคั่วใหม่ พริกป่น ผักชีฝรั่งหรือผักชีใบเลื่อยทำให้ได้กลิ่นหอมขึ้นมา ไม่รอล่ะครับ…  ทานจนหมดจานพร้อมกับซดน้ำซุปกระดูกเล้งเข้าไปแล้วคล่องคอดี อร่อยสุดๆ ครับ

ส่วนก๋วยเตี๋ยวถ้วยนี้ เป็นของผู้ติดตามมาพร้อมผมอีก 1 คน สั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ มีน้ำซุปใส่มาด้วย น้ำซุปเมื่อคลุกเคล้ากับน้ำตาลปี๊บ ถั่วคั่ว พริกและอื่นๆ จะทำให้มีกลิ่นหอม  น่าทานดีจัง.. ถามอร่อยมั้ย ไม่ตอบ  อร่อยๆ ไม่อร่อยก็ทานก๋วยเตี๋ยวในถ้วยหมดก่อนผม…

ก่อนกลับ ได้สั่งลูกชิ้นหมูมาทานคนละไม้ ร้อนๆ น้ำจิ้มเค็มหวานมันพอดี  ตบท้ายด้วยลอดช่องวัดเจษ ผู้ติดตามผมเฉาก๋วย มื้อนี้ทานขนมอิ่มแปล้ เลยคับ..

ก่อนกลับ ขอพี่นิด ถ่ายภาพวัตถุดิบ เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย มาให้ชมก้นด้วยนะ  จัดเตรียมไว้อย่างสะอาด น่าทาน..

ถั่วฝักยาวหั่นแฉลบบางๆ เอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ที่จะขาดไม่ได้..

ลูกชิ้นและน้ำจิ้มน่าทานมั้ย ปิ้งสุกเสิร์ฟร้อนๆ ตามลูกค้าสั่ง พี่นิดบอกว่า น้ำจิ้มสูตรพิเศษจากคุณยายม้วน..ปรุงเองครับ (สูตรสุโขทัย)

ของฝาก ขนมจากจังหวัดสุโขทัย ขนมเกลียวครูแอ๊ว ถั่วทอดลอนศิลป์และอื่นๆ มีให้ทานไม่ต้องไปหาไกล ที่ร้านนี้สั่งมาจำหน่าย

ด้วยความเป็นก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ความอร่อยเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ในช่วงกลางวันมีลูกค้าแน่นเต็มร้านเกือบทุกวันครับ  อยากทานก๋วยเตี๋ยวอร่อย ยิ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยแล้ว วัตถุดิบ เครื่องปรุงครบ อร่อย แนะนำมานั่งทานในห้องแอร์ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย By พี่นิด” มาไม่ถูกจิ้มพิกัด GPS (ทำลิ้งไว้ให้แล้ว) ในโทรศัพท์ฺมือถือของท่าน ตามพิกัดที่ให้ไว้ด้านล่างนี้นะครับ..


ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย By พี่นิด @เพชรบูรณ์

ที่อยู่ : 37/23 ถนนเพชรพัฒนา (ข้างโรงเรียนประสิทธิ์วิทยา) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ 67000
พิกัด GPS : 16.405492, 101.164993   (คลิกที่นี้เพื่อไปสู่แผนที่ Google Maps)
เปิดเวลา : 09.00-15.00 น.
เมนูแนะนำ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (30 บาท)   ก๋วยเตี๋ยวแห้งไท (30 บาท)  ลูกชิ้นปิ้งมีทั้งหมูและเนื้อ (ไม้ละ 10 บาท) ลอดช่องวัดเจษ (20 บาท)  เฉาก๋วยชากังราว (20 บาท) และขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ (30 บาท ขายเฉพาะวัน พุธ, เสาร์, อาทิตย์))
เบอร์โทร :  พี่นิด 081 9724252   ฝากบอกว่าโทรสั่งได้ และรับจัดเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวนอกสถานที่ในงานต่างๆ ด้วยนะครับ
Facebook Fanpage : https://web.facebook.com/Sukhothainoodlehouse

คลิก ชมคลิป Youtupe “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย By พี่นิด”

 

 

ข้อมูลเผยแพร่ใน

ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ต้นตำรับกว่า 30 ปี มาให้ลิ้มลองความอร่อยที่เมืองเพชรบูรณ์

ติดตามข้อมูลเที่ยวเพชรบูรณ์ ได้ที่ :  http://www.tourphetchabun.com

 

23 กุมภาพันธ์ 2017 / by / in
ขนมจีนโบราณบ้านคุณตา สูตรสมุนไพรหลากสี โรยและจับเส้นกันสด ๆ ทุกวัน

 

ขนมจีนโบราณบ้านคุณตา   ขนมจีนเจ้าแรกที่จับเส้นขนมจีนไม่เหมือนใคร คือ จะทำเป็นก้อนพอดีคำรับประทาน ง่ายจนเป็นสัญลักษณ์ของขนมจีนอร่อยของจังหวัดเพชรบูรณ์  เส้นขนมจีนสมุนไพร หลากสี โรยและจับกันสด ๆ ทุกวัน ทำให้เส้นสด เหนียวเมื่อรับประทานกับน้ำยา น้ำพริก น้ำยาป่า แกงเขียวหวาน มีรสเข้มข้น นุ่ม สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย   ส่วนประวัติความเป็นมา คุณจีราภา.. เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ตามที่ตั้งชื่อร้านว่า ขนมจีนโบราณบ้านคุณตา “บ้านคุณตา” ตั้งชื่อร้านให้เกียรติคุณพ่อ ซึ่งมีลูกสาว 3 คน คุณพ่อเปิดร้านขายขนมจีนมานานกว่า 10 ปี ร้านอยู่ในตัวเมืองหลังศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ หลังเก่า ลูกค้าจะเยอะ   คุณจิราภา..ได้ช่วยคุณพ่อทำขนมจีนมาตั้งแต่เด็กๆ พอมีครอบครัว คุณพ่อให้มาเปิดร้านใหม่แยกสาขาจากร้านเดิม มาอยู่ในที่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นทำเลที่นักท่องเที่ยวผ่านไปเที่ยวอำเภอเขาค้อ หล่มสัก หล่มเก่า สามารถแวะทานได้ง่าย

วันนี้ นายมะขาม พาไปทานขนมจีน สูตรสมุนไพรหลากสี ใกล้ตัวเมืองไม่ต้องไปกันถึงอำเภอหล่มเก่า …

การเดินทาง เมื่อเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ขับรถมาตามทางหลวงหมายเลข 21 (ถนนสายหลักจากจังหวัดสระบุรีไปถึงอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์) ผ่านห้างโลตัส บิ๊กซี ตัวเมืองเพชรบูรณ์ ไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 229 จะเห็นป้ายร้านเด่นชัดอยู่ริมถนน  ร้านอยู่ฝั่งซ้าย ที่จอดรถกว้าง   เนื่องจากร้านเป็นทางผ่านไปเขาค้อ ภูทับเบิก ในวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดสำคัญๆ จะมีนักท่องเที่ยวแวะร้านทานขนมจีนกันมาก  หากเดินทางมาเป็นครอบครัวหรือกรุ๊ปทัวร์ ต้องการแวะไปทาน ควรโทรไปสอบถามหรือจองโต๊ะที่เบอร์โทร 089 643 3344 ก่อนได้นะครับ   ร้านค่อนข้างหาเจอได้ง่าย อยู่ริมถนนสายหลัก..

บรรยากาศของร้านด้านหน้าเป็นเรือนไม้ เพดานยกสูง เปิดโล่งลมพัดเย็น มีโต๊ะ เก้าอี้นั่งเป็นไม้มีผนักพิง นั่งทานอาหารสะดวกสบาย ส่วนด้านหลังยังลดระดับ เกาะหลังคาทอดยาว  โต๊ะปูน เก้าอี้ปูนล้อมโต๊ะอีกสี่ด้าน ด่านล่างบรรยากาศดีลมพัดเย็นไม่แพ้กับชั้นบน ที่นี่  มีพนักงานคอยบริการอาหารรวดเร็วพอสมควร

ตามที่ได้สอบถามพนักงาน ที่นี้ขนมจีนสามารถสั่งทานเป็นชุดๆ ละ 190 บาท หรือจะสั่งทานแบบบุฟเฟ่ต์ อิ่มละ 100/คน ขนมจีนน้ำยา 5 อย่าง ทานไม่จำกัด  อาหารสั่งพิเศษประเภททอด ส้มตำ น้ำสมุนไพร และอื่นๆ

เมนูที่สั่งทานวันนี้ แบบชุดละ 190 บาท ได้ตามนี้เลยครับ

วันนี้ แวะมาร้านเวลาประมาณ 11.00 น. มีลูกค้ามานั่งทานก่อนหน้าประมาณ 5 โต๊ะ  ผมมา 2 คน มีพนักงานมารับออเดอร์ ดูเมนูแล้วสั่งขนมจีนเป็นชุด 190 บาท ไป และสั่งเสริมพิเศษ ทอดมันปลากราย….รอไม่ถึง 5 นาที่ ขนมจีน น้ำยา ตามภาพด้านบน ก็มาตั้งโต๊ะให้ผมถ่ายภาพมารีวิวให้ชมกัน  และก็เริ่มทานกันหิวแล้ว   ส่วนทอดมันปลากราย รอประมาณ 10 นาที จานร้อนๆ เลย  เสริมด้วยน้ำสมุนไพรน้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ อีก 2 แก้ว..

ก่อนทานขนมจีน เห็นเส้นขนมจีนเส้นเล็กๆ น่าจะทำเสร็จมาใหม่ๆ เส้นสดดี หลากสี จับเป็นคำวางเรียงอยู่ในกระจาดใบเล็ก 6-7 ก้อน คิดว่าร้านให้เส้นมานิดเดียวจะไม่พอทานแน่..  เมื่อทานเข้าจริงๆ เส้นทั้งเหนียวและนุ่ม เส้นเล็กๆ ราดน้ำยา น้ำยาป่า และน้ำแกงเขียวหวาน สำหรับผมรสชาติทานถูกปากครับ เมื่อทานร่วมกับผักไปด้วย ขาดไม่ได้สำหรับผมพริกทอดเม็ดจับมาใส่จานเพิ่มความเผ็ดไปอีกนิด ทานร่วมกับน้ำยาต่างๆ  ทอดมันปลากรายด้วย สุดท้าย 2 คน ทานไม่หมดครับ อิ่มก่อน..

ทอดมันปลากราย ตามที่สั่งจานละ 80 บาท ทานแล้วความอร่อยพอได้..

ปีกไก่ทอด และลูกชิ้นปลากราย ลวกจิ้ม จากนครสวรรค์ จานละ  50 บาท

 

ทางร้านขนมจีนโบราณบ้านคุณตา ยังมีอาหารสั่งพิเศษได้อีกมากมาย ผมไปขอถ่ายภาพจากทางร้านมาให้ชมกัน  อย่างเช่น

ประเภทส้มตำ  ส้มตำผลไม้รวม ส้มตำทะเล จานละ 50 บาท และส้มตำไทย ไทยปู ปูปลาร้า ตำมั่ว ตำถั่ว

ขนมถ้วยสมุนไพร จานละ 30 บาท (จำนวน 3 คู่)  น้ำสมุนไพร แก้วละ 15 บาท น้ำตระไคร้, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำลำไย, น้ำมะนาว, น้ำใบเตย, น้ำดอกอัญชัน, ชาดำเย็น, ชามะนาว, นมเย็น, เฮลซ์บลูบอย (น้ำแดง), น้ำแดงโซดามะนาว, น้ำอัดลมชนิดขนาดต่างๆ

ใช้คันโยกดันแป้งลงบนน้ำร้อน

มาถึงร้านแล้ว ขออนุญาตทางร้าน เข้าครัวไปดู การบีบ การจับเส้นขนมจีนสดๆ ให้เป็นคำ พอเหมาะเข้าปาก  เค้าทำกันอย่างไร  คุณจีราภา เจ้าของร้านจึงพาเราเข้าไปในครัว และได้อธิบายขั้นตอนการทำเส้นขนมจีน โดยสมัยที่เริ่มทำขนมจีนแรกๆ การโรยเส้นจะใช้วิธี ตั้งหม้อน้ำให้ร้อนพอควรแล้ว นำแป้งทำขนมจีนใส่ในเฝื่อนมีลักษณะเป็นหม้อทรงกลมขนาดเล็ก 2 อัน อันแรกด้านล่างมีรูขนาดเล็กจำนวนมาก ดันก้อนแป้งให้ไหลผ่านรูของอันแรกลงหม้อต้ม   รอสักครู่เส้นจะลอยขึ้นแล้ว ใช้ตะแกรงตักขึ้นมา นำเส้นที่ได้ไปแช่น้ำเย็น แล้วใช้มือจับข้างที่ถนัดจับเส้นขึ้นมาพันรอบฝ่ามืออีกข้างที่วางในแนวตั้ง จนกระทั่งหมดความยาวเส้น พร้อมวางใส่ภาชนะรวมกันไว้

แต่เนื่องจากช่วงหลังมีลูกค้ามาอุดหนุนมาก  จึงคิดค้นเครื่องทุ่นแรงในการบีบเส้นขนมจีนแบบคันโยกเป็นเจ้าแรกที่ แทนการใช้มือกด ส่วนการจับเส้นเปลี่ยนมาจับเป็นคำเล็กๆ เพื่อความสะดวกต่อการทานของลูกค้า

1-แป้งถูกดันลงในหม้อน้ำร้อน / 2-เส้นลอยขึ้นช้ตะแกรงตักขึ้นมา / 3-นำเส้นขนมจีนที่ได้มา แช่ในน้ำเย็น / 4-ใช้มือจับเส้นเป็นคำเล็กๆ / 5-จัดวางในภาชนะรวมกัน / 6-จัดวางในกระจาดเล็กๆ เตรียมบริการลูกค้า

เส้นขนมจีน จะทำออกมาหลายสี โดยใช้แป้งที่ใช้ทำเส้นขนมจีนจะผสมกับพืชสมุนไพร เช่น สีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากดอกอัญชัน สีเหลืองจากขมิ้น สีแดงจากกระเจี๊ยบ สีส้มจากแครอท สีชมพูจากเฮลซ์บลูบอย สีขาวจากแป้งหมักเส้นสีธรรมชาติ

มาเที่ยวเพชรบูรณ์   นายมะขามแนะนำมาแวะทาน ขนมจีนโบราณบ้านคุณตากันได้ ส้มตำแซบหลาย ริมทางหลวงแผนดินหมายเลข 21 หลักกิโลเมตรที่ 229  กันนะครับ …

 


ขนมจีนโบราณ บ้านคุณตา

ที่อยู่ : 119 ถนนสระบุรีหล่มสัก (ทางหลางหมายเลข 21) กิโลเมตรที่ 229 หมู่ที่ 12 ตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
พิกัด GPS : 16.474748, 101.158645 (คลิกเพื่อดูแผนที่ Google Maps)
เปิดเวลา : 08.30-17.00 น. (เปิดทุกวัน)
เบอร์โทร : 089 6433344, 090 0600344  อีเมล์ : jeerapa229@gmail.com
Facebook Fanpage  https://www.facebook.com/bankunta

ข้อมูลเผยแพร่ใน

มดยิ้ม ร้านของฝากต้นตำรับกล้วยสอดไส้มะขาม กรอบ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม

23 กุมภาพันธ์ 2017 / by / in
มดยิ้ม ร้านของฝากต้นตำรับกล้วยสอดไส้มะขาม กรอบ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม

เมื่อมาอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ต้องการของฝากมะขามแปรรูป มะขามฝัก แนะนำต้องร้านนี้เลย “มดยิ้ม” ร้านนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับต้นตำรับเจ้าแรกที่ทำกล้วยสอดไส้มะขามมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว คอยปรับปรุงรสชาติมาตลอด จนถึงปัจจุบันมีลักษณะเด่นของกล้วยสอดไส้มะขาม 5 อย่าง ด้วยกัน คือ กรอบ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อันเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านรสชาติที่ไม่มีใครเหมือน..

ลุงโสภณ… เจ้าของร้านจะอยู่ที่หน้าร้านทุกวัน คอยแนะนำลูกค้าที่เข้ามาซื้อของในร้าน ให้ชิมอีก ลุงบอกว่ากล้วยสอดไส้มะขามที่ขาย เป็นเจ้าแรกที่จำหน่ายมาเป็นเวลานานกว่า 10 แล้ว  เป็นของฝากที่ขึ้นชื่อของอำเภอหล่มสัก มีลูกค้าติดใจมาเที่ยวหล่มสัก ต้องมาแวะมาซื้อที่ร้านประจำ และแต่ละวัน

บริเวณด้านนอกมีป้ายร้านขนาดใหญ่ และด้านในร้านมีตู้โชว์สินค้าให้เลือกชมก่อนสั่งซื้อ..

แกะถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุกล้วยสอดไส้ จะรู้สึกหอม เมื่อได้รับประทานเข้าปากเจอกล้วยรู้สึกกรอบ เปรี้ยวนิด มันหน่อย เค็มนิดๆ และเมื่อกัดถูกไส้มะขามกวนจะรู้สึกหวาน อร่อยติดใจต้องหยิบชิ้นต่อๆ ไป (1 ห่อ ประมาณ 20 ชิ้น) หยิบเข้าปากหมดตอนไหนยังไม่รู้ตัว….

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์จากมะขามแปรรูป รวมแล้ว 12 ผลิตภัณฑ์ ด้วยกัน เช่น มะขามคลุกสามรส มะขามแก้ว มะขามอบสด มะขามกวน มะขามแช่อิ่ม มะขามเปี้ยวจี๊ดจ๊าด มะขามแกะเมล็ด ขนุนทอดกรอบ และมะขามฝักพันธุ์ศรีทอง สีชมพู ยังมีจำหน่ายลูกค้าที่ต้องการ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่วยในร้านไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ถูกหลักอนามัย เก็บไว้ได้นาน

การเดินทาง เมื่อเดินทางจากสี่แยกพ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก ขับรถเข้ามาในตัวอำเภอหล่มสักถึงสี่แยกหอนาฬิกา ให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอหล่มเก่า ตามถนนสายคชเสนีย์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12) ผ่านสถานีตำรวจภูธรหล่มสัก ไปอีกประมาณ 500 เมตร จะเห็นร้านมดยิ้มอยู่ข้างถนนด้านซ้ายมือ ร้านอยู่ติดกับหล่มสักณัฐติรัตน์แกรนด์โฮเต็ล สังเกตร้านเป็นตึก 3 ชั้น สีส้มตัดขอบขาว ที่หน้าร้านจะมีป้ายเขียนว่า ร้านมะขามแปรรูปของฝาก มดยิ้ม นำรถจอดที่หน้าร้านได้ แล้วเข้าไปในร้าน (ห่างจากสี่แยกพ่อขุนผาเมือง ประมาณ 6 กิโลเมตร)

ผลไม้แซ่อิ่ม มีไว้บริการนักชิม..

ฝักมะขามหวานพันธุ์ศรีทอง ศรีชมพู และอื่นๆ มีจำหน่าย



มดยิ้ม ร้านของฝากต้นตำรับกล้วยสอดไส้มะขาม กรอบ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม

ที่อยู่ : 163/4 ถนนคชเสนีย์ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
พิกัด GPS : 16.782934, 101.240922
เปิดเวลา : 07.00-18.00 น. (เปิดทุกวัน)
ของฝากแนะนำ : กล้วยสอดไส้มะขาม
เบอร์โทร : 081 5322153, 056072173
Line ID : 0815322153

ข้อมูบเผยแพร่ใน

มดยิ้ม ร้านของฝากต้นตำรับกล้วยสอดไส้มะขาม กรอบ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม

23 กุมภาพันธ์ 2017 / by / in